ป.ป.ส. ประสานหน่วยงานในพื้นที่ ดำเนินคดีกับผู้หลอกลวง ข่มขู่ผู้อื่นใช้ยาเสพติด

จากกรณีปรากฏข่าวการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่บ้านทรายขาว ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ของฝ่ายปกครองและตำรวจในพื้นที่ พบเยาวชนอายุ 13 – 16 ปี ติดยาบ้า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ได้มอบหมายให้ สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 8 ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าจุดเริ่มต้นของการที่เด็กทั้ง 3 คนเข้าไปเสพยาบ้ามาจากมีญาติซึ่งเป็นอานำมาให้เสพ และเสพต่อเนื่องจนกระทั่งติด พบว่าในพื้นที่ดังกล่าว มีสภาพแวดล้อมหลายประการที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของยาเสพติด จึงได้ทำการประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ทั้งฝ่ายปกครอง และตำรวจในการป้องกันและแก้ไขปัญหาต่อไป รวมทั้งการนำตัวเด็กทั้ง 3 คนเข้ารับการบำบัดรักษาอย่างเหมาะสมโดยจะทำการติดตามอย่างต่อเนื่อง ประการสำคัญ สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 8 ได้ประสานกับสถานีตำรวจภูธรสลุย เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่นำยาเสพติดมาให้เด็กเสพในข้อหาหลอกลวง ข่มขู่ ผู้อื่นใช้ยาเสพติด ซึ่งหากพิสูจน์ได้ว่ากระทำผิดจริงจะมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ปรับสูงสุด 1 ล้านบาท

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าเด็กและเยาวชนนอกจากตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติดแล้ว มีไม่น้อยที่ตกเป็นเครื่องมือของขบวนการค้ายาเสพติด คือบางรายเป็นผู้เสพและมีบางรายเป็นผู้จำหน่ายหรือเป็นผู้นำส่งยาเสพติดให้กับขบวนการค้ายาเสพติด ดังนั้นกลไกของสังคมทุกระดับต้องเข้ามามีส่วนร่วมและช่วยกันดูแลเด็กและเยาวชน ทั้งครอบครัว ชุมชน สถานศึกษา ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ซึ่งไม่สามารถให้ใคร คนใดคนหนึ่งดูแลได้ สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นที่ จ.ชุมพร ต้องเร่งเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เขาเหล่านั้นกลับมาเป็นปกติและเติบโต เป็นกำลังของชาติต่อไป ซึ่งจากที่ได้รับรายงาน หน่วยงานในพื้นที่ทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร คือ ตำรวจภูธรสลุย ทหารชุดกิจการพลเรือน กองกำลังเทพสตรีที่ 401 เทศบาลตำบลสองพี่น้อง และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 และ 2 อ.ท่าแซะ และจ.ชุมพร ได้ประสานงานกันเพื่อดำเนินการเชิงรุก ตั้งจุดตรวจจุดสกัดอย่างเข้มข้นในพื้นที่บ้านทรายขาว รวมทั้งเร่งสร้างการรับรู้โทษที่ร้ายแรงของสิ่งเสพติด การรู้จักการหลีกเลี่ยงสิ่งเสพติด และสิ่งที่สำคัญคือ เร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กและเยาวชน หากพบเด็กหรือเยาวชนติดยาเสพติด ต้องเร่งนำตัวเด็กเข้าสู่ระบบการบำบัดรักษาโดยเร็ว ประการสำคัญคือ การสร้างกระบวนการให้ชุมชนดูแลตนเองได้ ซึ่งเชื่อว่าสภาพปัญหาจะคลายความรุนแรงและควบคุมได้ในที่สุด

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวย้ำว่า ปัญหายาเสพติดเป็นภัยร้ายแรงต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ส่งผลต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสมอง โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และการที่เด็กใช้ยาเสพติดตั้งแต่อายุยังน้อยส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านสมอง และในระยะยาวอาจมีอาการทางจิต ดังนั้น จึงขอฝากไปยังครอบครัว ซึ่งต้องคอยดูแลเด็กและบุคคลในครอบครัว โดยให้ความรัก ความเข้าใจ ดูแลเอาใจใส่อย่างเพียงพอ อย่าให้ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งเด็กและเยาวชนต้องได้รับการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตลอดจนสร้างการรับรู้ ความตระหนักถึงภัยอันตรายจากยาเสพติด ซึ่งเป็นหน้าที่ของทุกคนจะต้องร่วมมือกัน และขอให้พี่น้องประชาชน ช่วยกันสอดส่องดูแลประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน ของตนเอง หากพบเห็นความผิดปกติเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสยาเสพติด ผ่านสายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้มั่นใจว่า ทุกข้อมูลจะถูกปิดเป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน

ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย “สมัครใจบำบัด ไม่เสียประวัติ ไม่มีความผิด”

แจ้งเบาะแสยาเสพติด ผ่านสายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386

ร่วมแสดงความคิดเห็น