องค์กรครูทั่วประเทศแต่งดำ! ค้านไม่ให้ศึกษานิเทศก์ ตรวจสอบภายในและไอซีซีไปอยู่กับศึกษาธิการจังหวัด

เมื่อเวลา 8.00 น. วันที่ 17 มกราคม 2563 ที่กระทรวงศึกษาธิการ กลุ่มศึกษานิเทศก์ (ศน.) บุคลากรกลุ่มตรวจสอบภายใน (ตสน.) และบุคลากรกลุ่มเทคโนโลยีและสารสนเทศทางการศึกษา (ICT) ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ กว่า 1,000 คน แต่งชุดดำเข้ายื่นหนังสือ ถึงนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) นายวราวิทย์ กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ ศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้างของศธ. นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดศธ. และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อ คัดค้าน การถ่ายโอนศึกษานิเทศก์(ศน.) บุคลากรกลุ่มตรวจสอบภายใน (ตสน.) และบุคลากรกลุ่มเทคโนโลยีและสารสนเทศทางการศึกษา (ICT) ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ไปสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) และไปปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.)

โดยนายธนชน มุทาพร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (ผอ.สพป.ชัยภูมิ เขต 1) ในฐานะประธานชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย (ชร.ผอ.สพท.) กล่าวว่า สมาคมผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย สมาคมผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประเทศไทย และชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย ชมรมศึกษานิเทศก์แห่ประเทศไทย ตลอดจนพี่น้องบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค(2) ไม่เห็นด้วยในการโอนย้ายและจะขอคัดค้านจนถึงที่สุด เพราะข้อเสนอดังกล่าวเป็นการดำเนินการโดยขาดหลักธรรมมาภิบาล อาศัยอำนาจของคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของศธ. ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้บริหารองค์กรหลัก ไม่มีผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย หรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมพิจารณาและข้อเสนอแนวทางนี้ เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ต้องการทำลายเขตพื้นที่การศึกษา ให้อ่อนแอ เพื่อไปสร้างความเข้มแข็งให้กับสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.)

โดยข้อเท็จจริง คุณภาพการศึกษาจะบังเกิดผลได้ก็โดยการปฏิรูปการเรียนการสอนในห้องเรียน เป็นสำคัญ ซึ่งเป็นบทบาทหน้าที่โดยตรงของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่กำกับติดตาม ส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดการปฏิรูปการเรียนการสอนในห้องเรียน และสร้างความเข้มแข็งให้กับสถานศึกษาในสังกัด ให้มีคุณภาพตามมาตรการศึกษาชาติโดยมี ศึกษานิเทศก์ และกลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นผู้รับผิดชอบร่วมกันโดยตรง ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวนี้ถ้าคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของศธ.ในภูมิภาค ให้ความเห็นชอบ ก็คือความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงของการปฏิรูปการศึกษาที่จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษาโดยรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยได้มีข้อเสนอในการสร้างความเข้มแข็งให้กับสพท. 7 ข้อ

ข้อที่ 1 ขอให้นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดศธ. ยุติบทบาทการจัดทำข้อเสนอปรับโครงสร้าง ขอให้รอจนกว่า ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ จะมีผลบังคับใช้ ทั้งนี้เพื่อป้องกัน การดำเนินการที่ส่อไปในทางที่สร้างความอ่อนแอให้กับสพท. 2. การปฏิรูปโครงสร้างของศธ.ให้ใช้รูปแบบกระจายอำนาจถึงหน่วยงานการศึกษาในพื้นที่ให้มากที่สุดให้คงสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)และเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.)จำนวน 183 เขต และเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา จำนวน 77 เขต รวม 260เขตพื้นที่ โดยไม่มีการโอนย้ายกลุ่มใด ไปยังหน่วยงานการศึกษาอื่น 3. จัดตั้งคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(อ.ก.ค.ศ.)ประจำสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และตั้ง อ.กค.ศ.จังหวัด โดยให้รับผิดชอบการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานการศึกษาในเขตพื้นที่ฯ 4. เร่งดำเนินการออกพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5 ) เป็นการเฉพาะกิจ โดยให้มีสาระสำคัญให้แก้ไขปรับปรุงคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 16/2560 และคำสั่งคสช ที่ 17/2560เฉพาะ 5.กำหนดให้บุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 39ค(2) ให้เป็นข้าราชการครูสายงานสนับสนุนการสอนและให้ใช้บัญชีเงินเดือน เงินวิทยฐานะ หรือเงินคำตอบแทนอื่น เช่นเดียวกันกับข้าราชการครูสายงานการสอน 6. ให้รีบประกาศจัดตั้งเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)ให้ครบทุกจังหวัดโดยเร็ว และ 7. เพื่อลดความสูญเปล่าทางการศึกษาจึงเห็นควรให้ศึกษานิเทศก์ ศธจ. กลับคืนสพท. ทั้งนี้จะได้มาช่วยกันสร้างความเข้มแข็งให้กับสถานศึกษา

นอกจากนั้นยังข้อเสนอที่จะยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายกรัฐมนตรี มีจำนวน 3 ข้อ ลงวันที่ 17 ม.ค.2563 ดังนี้ เรื่อง การคัดค้านการตัดโอนอัตรากําลังศึกษานิเทศก์ หน่วยตรวจสอบภายในและกลุ่มส่งเสริมทางไกล เทคโนโลยสีารสนเทศและการสื่อสาร ของสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้สํานักงานศึกษาธิการจังหวัด
1. เหตุผลและความจําเป็นที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ต้องมีศึกษานิเทศก์ บุคลากรหน่วยตรวจสอบภายใน และบุคลากรกลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกลเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) จํานวน 1 ชุด 2.ข้อเสนอการสร้างความเข้มแข็งใหก้ับสํานักงานเขตพื้นทกี่ารศึกษาเพื่อพัฒนาสถานศึกษาใน สังกัดให้มีคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาที่ยงั่ ยืน จํานวน 1 ชุด 3. บัญชีรายชื่อผู้คัดค้านการโอนศึกษานิเทศก์ บุคลากรของหน่วยตรวจสอบภายใน และบุคลากร ของกลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกลเทคโนโลยสีารสนเทศและการสอื่สารของสํานักงานเขต พื้นที่การศึกษา ไปสังกัดสํานักงานศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.)จํานวน 1 ชุด
ตามที่สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ ศธ 02137/220 ลงวันที่ 7 มกราคม2563เรื่องขอข้อมูลอัตราตําแหน่งศึกษานิเทศก์และตําแหน่งนักวิชาการตรวจสอบภายใน จาก สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อขออนุมัติโอนอัตราตําแหน่งและเงินงบประมาณแผ่นดินประจํา อัตรา รวมตลอดทั้งงบบุคลากรที่จ่ายในลักษณะเงินเดือน ค่าจ้างประจํา และเงินอื่นที่เกี่ยวข้อง ของข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตําแหน่งศึกษานิเทศก์ และตําแหน่งนักวิชาการตรวจสอบภายใน จากสํานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ปฏิบัติงานในภูมิภาค มาไว้ที่สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้ไปปฏิบัติ หน้าที่ณสํานักงานศึกษาธิการจังหวัด เพื่อเสนอให้กรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษา ในภูมิภาค ให้ความเห็นชอบในการประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 1/2563 ที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้
สมาคมนักบริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย สมาคมผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาแห่ง ประเทศไทย สมาคมผู้บริหารเขตพื้นที่มัธยมศึกษาประเทศไทย และชมรมผู้อํานวยการสํานักงานเขตพื้นที่ การศึกษาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยเครือข่ายศึกษานิเทศก์และบุคลากรทางการศึกษา38ค(2)ในฐานะผู้มี ส่วนได้ส่วนเสีย ไม่เห็นด้วยที่สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จะจัดทําข้อเสนอให้คณะกรรมการขับเคลื่อน การปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค ให้ความเห็นชอบโดยมีเหตุผลพอสังเขป ตามเอกสารสิ่งที่ส่งมาด้วย
1 ประกอบกับกระทรวงศึกษาธิการ อยู่ในระหว่างการจัดทําข้อเสนอโครงสร้างของ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นหน่วยงานการศึกษาที่มีบทบาทหน้าที่โดยตรงในการบริหารจัดการศึกษาสถานศึกษาในสังกัด ให้มีคุณภาพ แต่เนื่องจากมีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ ที่ 19 / 2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค บังคับใช้ ได้ส่งผลให้ ศักยภาพการบริหารจัดการศึกษา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา มีข้อจํากัด สมาคมนัก บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย พร้อมเครือข่าย จึงได้จัดทําข้อเสนอการสร้างความเข้มแข็ง ให้กับ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อพัฒนาสถานศึกษาในสังกัดให้มีคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาที่ยั่งยืน ให้ท่าน ได้โปรดพิจารณาต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น