(มีคลิป) พบแล้ว! ยันต์เทพเจ้าเนปาล

จากกรณี เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2563 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Pitchaya Jaidee” โพสต์ภาพยันต์ที่เป็นรูปเทพเจ้าตามความเชื่อส่วนตัวพร้อมบอกเล่าเรื่องราวว่า นำยันต์ที่เป็นรูปภาพเทพเจ้าตามความเชื่อขนาดกว้าง 18 นิ้ว ยาว 24 นิ้ว ที่บูชามาจากประเทศเนปาล มูลค่าประมาณ 1,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมกับภาพอื่นที่มีขนาดเล็กอีก 4 ภาพ ไปใส่กรอบที่ร้านแห่งหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เมื่อช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ แต่ว่าเมื่อไปรับภาพที่ใส่กรอบหลังเทศกาลปีใหม่ ปรากฏว่าได้รับคืนแต่ภาพขนาดเล็ก 4 ภาพเท่านั้น ส่วนภาพยันต์รูปเทพเจ้าที่มีขนาดใหญ่ ทางร้านแจ้งว่าหาไม่พบ แต่จะลองค้นหาให้อีกครั้ง หากยังไม่พบจะรับผิดชอบให้เป็นเงิน 2,000 บาท ซึ่งมีการโพสต์เพื่อทวงถามความรับผิดชอบและประกาศตามหารูป

ขณะที่ต่อมาทางร้านชี้แจงว่าขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอโทษลูกค้าไปแล้ว และแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ด้วยการพยายามติดตามหารูปมาคืนหรือในกรณีที่ไม่พบจะชดใช้เป็นเงินให้ พร้อมให้รายละเอียดว่า ลูกค้านำยันต์ที่หายมาให้ใส่กรอบพร้อมกับยันต์ที่มีขนาดเล็กกว่าอีก 4 ผืน เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2562 ตกลงราคากันที่ 1,750 บาท ลูกค้าวางมัดจำ 500 บาทและทางร้านนัดให้มารับในวันที่ 12 ธ.ค. 2562 แต่เมื่อถึงเวลานัดไม่มารับ จนกระทั่งวันที่ 18 ธ.ค. 2562 โทรศัพท์ไปตาม แต่ลูกค้าไม่รับสาย และในวันที่ 24 ธ.ค. 2562 โทรศัพท์ไปหาได้คุยกับลูกค้า ซึ่งบอกว่าจะมารับของ แต่ก็ยังไม่มาอีก จนกระทั่งมารับในวันที่ 4 ม.ค. 2563 และพบว่ายันต์ดังกล่าวหายไป พร้อมกับที่ลูกค้าบอกว่าเป็นยันต์ที่บูชามาจากประเทศเนปาลในราคาประมาณ 600 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 19,200 บาท และมีคุณค่าทางจิตใจมาก

ความคืบหน้าวันที่ 24 ม.ค. 2563 รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ทางร้านสามารถติดตามหายันต์รูปเทพเจ้าดังกล่าวพบแล้ว ทั้งนี้จากการสอบถามนางมาลี ศักดิ์ชัยยันต์ อายุ 56 ปี เจ้าของร้านศักดิ์สิทธิ์เฟรมกรอบรูป เปิดเผยว่า เวลานี้สามารถติดตามหายันต์ดังกล่าวพบแล้ว โดยเมื่อคืนวันที่ 23 ม.ค. 2563 เวลาประมาณ 20.00 น. ได้รับโทรศัพท์จากลูกค้ารายหนึ่งว่าพบยันต์ดังกล่าวที่ใส่กรอบเรียบร้อยแล้วอยู่ที่ตัวเอง ซึ่งเพิ่งทราบว่านำติดไปด้วยหลังจากที่มารับกรอบรูปที่ร้านแล้วหยิบผิดติดไปด้วยและเก็บไว้ที่บ้านนานร่วมเดือนแล้ว แต่เพิ่งแกะห่อแผ่นกันกระแทกออกทำให้เห็นว่าเป็นยันต์ที่กำลังตกเป็นข่าว จึงรีบติดต่อทางร้านทันที และทางร้านได้ไปรับกลับมาเมื่อช่วงสายวันเดียวกัน

ทั้งนี้นางมาลี บอกว่า รู้สึกดีใจและโล่งใจอย่างมากที่สามารถติดตามยันต์กลับคืนมาได้ เพื่อจะนำส่งคืนให้กับทางลูกค้าที่เป็นเจ้าของยันต์ต่อไป ซึ่งเบื้องต้นทางลูกค้าที่หยิบติดไปด้วยได้แจ้งให้ทางเจ้าของยันต์ทราบด้วยตัวเองแล้ว และทางร้านจะนัดหมายกับทางลูกค้าที่เป็นเจ้าของยันต์เพื่อส่งมอบคืนให้ต่อไป โดยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจที่ทำให้ลูกค้าที่เป็นเจ้าของยันต์เกิดความไม่สบายใจ แต่ยืนยันมาตั้งแต่แรกแล้วว่าทางร้านประกอบอาชีพอย่างซื่อสัตย์สุจริตกับลูกค้ามาตลอด 30 ปี ที่เปิดร้านมา ไม่มีทางทุบหม้อข้าวตัวเองด้วยการเอาของลูกค้าไปขายแน่นอน รวมทั้งได้พยายามอย่างถึงที่สุด เพื่อติดตามหายันต์มาคืนให้ได้และรับผิดชอบอย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งจากนี้ทางร้านจะเพิ่มความรอบคอบรัดกุมในการจัดเก็บและส่งมอบของให้ลูกค้าให้มากขึ้น รวมทั้งหวังว่าผู้ใช้โซเชียลมีเดียที่แสดงความเห็นตำหนิไปก่อนหน้านี้จะเข้าใจ

ร่วมแสดงความคิดเห็น