พช.ลำปาง นำจิตอาสาพัฒนาชุมชน ร่วมทำแนวกันไฟรอบเขาดอยพระบาท ป้องกันไฟป่า

พัฒนาชุมชนลำปาง จัดกิจกรรม 51 ปี โครงการพัฒนาผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน ร่วมขับเคลื่อนมาตรการเชิงรุกจังหวัดรับมือหมอกควันไฟป่า นำจิตอาสาภัยพิบัติทำแนวกันไฟรอบบริเวณผืนป่าเขาดอยพระบาท รณรงค์สร้างจิตสำนึกหยุดพฤติกรรมการเผา

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดลำปาง และชมรมผู้นำอาสาพัฒนาชุมชนจังหวัดลำปาง บูรณาการร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลพิชัย และชุมชนบ้านต้นต้อง จัดกิจกรรม “สานพลังสามัคคี 51 ปี ผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน (อช) ” รวมพลังแกนนำ นำเหล่าสมาชิกอาสาพัฒนาชุมชนจากท้องที่อำเภอต่าง ๆ ทั้ง 13 อำเภอในจังหวัดลำปาง รวมกว่า 300 คน แต่งกายด้วยชุดพระราชทานเป็น “จิตอาสาภัยพิบัติ” ร่วมกันทำกิจกรรมความดีเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

โดยได้ร่วมกันประกอบกิจกรรมทำความดีด้วยกาย ช่วยกันพิทักษ์ผืนป่าทำแนวกันไฟรอบบริเวณผืนป่าเขาดอยพระบาท ป่าชุมชนบ้านต้นต้อง หมู่ที่ 5 ตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง โดยมีนายพินิจ แก้วจิตคงทอง ปลัดจังหวัดลำปาง เป็นหัวหน้าคณะนำทีมจิตอาสาทั้งหมดร่วมกันเดินเท้าเข้าป่า ทำแนวกันไฟยาวต่อเนื่องเป็นระยะทางรวมมากกว่า 1 กิโลเมตร

สำหรับกิจกรรมการทำแนวกันไฟดังกล่าว สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดลำปาง และชมรมผู้นำอาสาพัฒนาชุมชนจังหวัดลำปาง ได้จัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 51 ปี โครงการพัฒนาผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน โดยได้นำกิจกรรมรวมเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการ ป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันของจังหวัดลำปาง ตามหลักการทำงาน 2P 2R เน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเป็นหัวใจหลักสำคัญของการดำเนินงาน

ซึ่งในการทำกิจกรรมครั้งนี้ได้นำกลุ่มตัวแทนชาวบ้านผู้นำชุมชนจากท้องที่อำเภอต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครของรัฐ ทั้งนี้เพื่อเป็นการรณรงค์เชิงรุก ปลูกจิตสำนึกให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและชาวบ้านได้ตระหนักเห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรป่าไม้แหล่งต้นน้ำลำธาร เพื่อให้เกิดความรักความหวงแหนต่อทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น และร่วมเป็นจิตอาสาที่จะได้ช่วยกันสอดส่องดูแล ประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้กลุ่มผู้ที่อยู่อาศัยรอบบริเวณผืนป่าและประชาชนทั่วไปได้รับรู้ เข้าใจ ตระหนักถึงปัญหาพิษภัยจากหมอกควันไฟป่า และหยุดพฤติกรรมการเผา

และอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญเพื่อต้องการสร้างแนวกันไฟในบริเวณพื้นที่ป่าแห่งนี้ เพื่อจะได้เป็นแนวเขตป้องกันไฟป่า ซึ่งจะช่วยจำกัดพื้นที่การเผา กรณีเกิดการลักลอบเผาป่าและช่วยบรรเทาปัญหาลดมลพิษจากหมอกควัน โดยป่าชุมชนบ้านต้นต้อง ถือเป็นป่าชุมชนต้นแบบ ของจังหวัดลำปาง ที่ได้มีการดำเนินงานดูแลรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเข้มแข็งของคนในพื้นที่ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 20 ปี ป่าชุมชนบ้านต้นต้องแห่งนี้ไม่เคยที่เกิดไฟไหม้ป่า ทำให้วันนี้ป่าชุมชนบ้านต้นต้องได้พลิกฟื้นคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ รอบบริเวณผืนป่ากว้างกว่า 1,500 ไร่ 6 ตารางกิโลเมตร

ปัจจุบันมีสัตว์ป่าหายากเข้ามาอยู่อาศัยจำนวนมาก เช่น นกยูง ปูป่า ไก่ป่า รวมถึงนกนานาชนิด และยังมีพืชสมุนไพรอีกกว่า 108 ชนิด โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนป่าชุมชนบ้านต้นต้องจะมีความอุดมสมบูรณ์มากเป็นแหล่งอาหารของคนในหมู่บ้าน ซึ่งจะมีทั้ง ผักหวานป่า ผลไม้ป่า ไข่มดแดง และเห็ดโคน เป็นต้น

อย่างไรก็ตามสำหรับสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดลำปาง จากการรายงานยังพบว่าหลายพื้นที่ ยังคงมีการลักลอบจุดเผาป่ากระจายอยู่ทั่วไป แต่โดยส่วนใหญ่สถานการณ์ไม่รุนแรง เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่หน่วยงานรับผิดชอบได้มีการเข้มงวด จัดหน่วยออกตรวจลาดตระเวนถี่ขึ้นและต่อเนื่อง พร้อมเข้าทำการดับไฟทันทีที่ได้รับรายงาน รวมถึงได้มีการเฝ้าระวังกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย ร่วมกับทำการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเข้าถึงประชาชนในทุกชุมชนพื้นที่ ตลอดจนได้มีการใช้มาตรการเข้มข้นเอาจริงกับผู้กระทำผิด ซึ่งหากพบและจับกุมได้ ผู้กระทำผิดจะต้องถูกลงโทษทางกฎหมายขั้นเด็ดขาดในอัตราโทษสูงสุดทั้งจำทั้งปรับ

และสำหรับในส่วนสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในภาพรวม พบว่าในวันนี้ (29 มกราคม 2563) ค่าคุณภาพอากาศของจังหวัดลำปาง ได้กลับมาอยู่ในเกณฑ์สีส้ม ถึง สีแดง คือ อยู่ในช่วงเริ่มมีผลกระทบ ถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยสามารถวัดค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ได้สูงสุด ที่ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ 96 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. รองลงมาที่ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ 93 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. และอีก 2 ตำบล ค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยที่ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ วัดค่าได้ 89 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. และที่ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง วัดค่าได้ 87 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม.

ร่วมแสดงความคิดเห็น