DSI ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเขตป่าสงวนถูกบุกรุก

เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ (DSI) ลงพื้นที่ร่วมกับ ป่าไม้ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อแก้ไขปัญหามีผู้บุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ ประมาณ 10 ไร่ ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแม่ยวมฝั่งขวา ซึ่งพบว่ามีการเพิกเฉยของหน่วยงานรัฐในพื้นที่จนส่งให้เกิดปัญหานานไปอาจจะถูกยึดครอบครอง รวมไปถึงการเข้าไปพัวพันและทุจริตประพฤติมิชอบ ในหลายกรณีจากหลายหน่วยงานรัฐในพื้นที่

วันนี้ 6 กพ.2563 พันตำรวจโท กฤช อาจสามารถ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้คณะพนักงานสืบสวน นำโดย เรืออากาศตรี กิตติคม คงสมโภชน์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ นายจักรพนธ์ จำปาไทย เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ พร้อมชุดสืบสวนทีมงาน ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบแก้ไขปัญหามีผู้บุกรุก ร่วมกับ นายสมจินต์ เนตรประดิษฐ์ หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้แม่สะเรียง นายพุทธิวัฒน์ ใจสูง นายกเทศบาลตำบลแม่ยวม นายเรืองศักดิ์ ชมภูพวงผญบ.หมู่ที่ 13 บ้านจอมกิตติ ต.แม่ยวม ร่วมลงพื้นที่กรณีมีบุกรุกใช้รถแมคโคร รถดั้ม เข้าทำการขุดถมลำห้วยสาธารณะและที่ดินเพื่อเปลี่ยนทิศทางของน้ำ ปรับเปลี่ยนพื้นที่โดยไม่เหลือสภาพเดิม บริเวณห้วยปางโจ๊ก บ้านจอมกิตติ หมู่ที่13 ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

โดยกรณีดังกล่าวนี้สืบเนื่องจาก นายกร เสริมสกุล ชาวบ้านบ้านจอมกิตติ หมู่ที่ 13 ต.แม่ยวม ได้ทำหนังสือไปยังเทศบาลตำบลแม่ยวม และศูนย์ดำรงธรรมแม่สะเรียง เพื่อขอให้สอบเขตพื้นที่สาธารณะ ว่าที่ดินดังกล่าวฯ ได้ถูกบุกรุกยึดครองโดยใช้รถแบคโครเข้ามาปรับเปลี่ยนพื้นที่และถมร่องน้ำเดิม โดยตนได้เดินทางไปร้องต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องอีกหลายหน่วย แต่ปัญหากลับไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างใด และดูเหมือนว่า หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่จะไปเข้าข้างกลุ่มที่บุกรุกที่ดินของเขตป่าสงวน และพยายามดึงเรื่องรวมไปถึงปกปิดข้อมูลเอกสาร สุดท้ายตนจึงส่งข้อมูลขอร้องเรียนต่อ ดีเอสไอ หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องระดับประเทศ ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน ที่ปกติเคยเข้าไปปลูกพืชผักบริเวณนั้นเพื่อใช้ยังชีพได้ ซึ่งขณะนี้ไม่สามารถเข้าไปปลูกพืชผักได้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวฯถูกปรับเปลี่ยนและถมลำห้วยเดิม เปลี่ยนสภาพใหม่มาเป็นสระน้ำไปแล้ว ทั้งนี้ตนได้เดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ปรากฏว่างานล่าช้าหวั่นเป็นการดึงเรื่อง ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาแต่อย่างใดนานไปอาจถูกยึดครองพื้นที่ หนำซ้ำตนเองยังถูกข่มขู่และฟ้องกลับอีกด้วย

ด้าน นายสมจินต์ เนตรประดิษฐ์ หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้แม่สะเรียง กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่กันออกจากพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติแม่ยวมฝั่งขวา แต่ยังอยู่ในการควบคุม ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 คุมอยู่ ซึ่งพื้นดังกล่าวหากยังไม่ออกเอกสารสิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมายที่ดิน ถือว่าเป็นป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 หากพบการกระทำผิดหรือมีการบุกรุกพื้นที่ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย ซึ่งในกรณีที่ทาง DSI เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว ทางป่าไม้ได้ทำการรางวัดพื้นที่ทั้งหมดที่ร้องเรียนไว้ก่อนประมาณ 10 ไร่ และ รอให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินแม่สะเรียง เข้ามาตรวจสอบแนวเขตว่าได้มีการออกเอกสารสิทธิ์ไปแค่ไหน และ มีพื้นที่ใดบ้างที่ถูกบุกรุก ซึ่งต้องพิสูจน์ตรวจวัดแนวเขตดังกล่าวเสียก่อน จึงจะสามารถระบุได้ว่ามีการบุกรุกพื้นที่หรือไม่อย่างไร

ขณะที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ระบุว่า การลงพื้นที่ในวันนี้มาตรวจสอบตามข้อร้องเรียนที่ส่งไปยังศูนย์ปฏิบัติการเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งทาง DSI เป็นหน่วยงานประสานร่วมกับหน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของป่าไม้ ซึ่งอยู่ระหว่างการรอให้ทางป่าไม้ยืนยันแนวเขตหากพบมีการกระทำผิดก็สามารถดำเนินคดีได้เลย ทั้งนี้ในพื้นที่ดังกล่าวฯมีความซับซ้อนและมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องและเพิกเฉยต่อการปฏิบัติหน้าที่ จนส่งผลให้เรื่องราวยุ่งเหยิง

ร่วมแสดงความคิดเห็น