(มีคลิป) ตร. เรียกผู้ปกครองและครู ไกล่เกลี่ย กรณีนักเรียนหญิง ป.4 ทะเลาะวิวาท

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองลำพูน พ.ต.ท.สุระศักดิ์ ขันแก้ว รอง ผกก. (สอบสวน) สภ. เมืองลำพูน ได้รับมอบหมายจาก พ.ต.อ.พัฒนพงษ์ ขำแก้ว ผกก. สภ. เมืองลำพูน พร้อมด้วย น.ส.ธณัฎธา สุทธิรักษ์ นักจิตวิทยา สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูนให้ไกล่เกลี่ย กรณีนักเรียนหญิง ป.4 โรงเรียนเอกชนดังแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน ได้ช่วยกันจับนักเรียนร่วมชั้น โดยจับแขนสองข้างแล้วจับหัวล็อคไว้ จากนั้นตบหน้าสั่งสอน กรณีไม่พอใจโดยก่อนหน้านี้นักเรียนที่ถูกตบเคยขู่ฆ่าหนึ่งในกลุ่มเพื่อน จากนั้นทางเจ้าหน้าตำรวจได้เชิญผู้ปกครอง ทั้ง 2 ฝ่ายรวมถึง ผอ. และครูปกครองโรงเรียนเข้ารวมไกล่เกลี่ย

ด้านนางวันวิสาข์ วิภูสัตยา ผู้อำนวยการผู้รับใบอนุญาต ได้กล่าวว่า ขอสรุปเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ได้ขู่เพื่อนร่วมชั้นรายหนึ่งให้ไปซื้อข้าวให้ทาน ถ้าไม่ไปซื้อจะฆ่าเธอนะ ทางผู้ถูกขู่ฆ่าจึงไปซื้อข้าวให้ทาน ต่อมาภายหลังผู้ถูกขู่ฆ่า จึงไปแจ้งครูประจำชั้นและผู้ปกครองทราบ ทางฝ่ายครูปกครองจึงเรียกเด็กหญิงเอ มาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น เด็กหญิงเอ สารภาพว่า ได้ขู่เพื่อนจริง ทางโรงเรียนจึงว่ากล่าวตักเตือน ไม่ได้ลงโทษแต่อย่างใด และทางโรงเรียนได้บันทึกไว้ในสมุด เพื่อเป็นหลักฐานและได้ถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ โดยให้เด็กหญิงเอ รับสารภาพ ทั้งนี้สาเหตุที่ทางโรงเรียนตัดสินใจบันทึกคลิปวิดีโอไว้ เพราะว่าเด็กหญิงเอ ใช้คำว่าขู่ฆ่า ทางโรงเรียนจึงถ่ายไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้เพื่อความชัดเจน โดยไม่มีการเผยแพร่แต่อย่างใด

ต่อมาอีกสองสัปดาห์ทางโรงเรียนได้มีการซ้อมเหตุเพลิงไหม้ มีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งคุยชักชวนเพื่อนหญิงที่เคยถูกขู่ฆ่า ว่าจะเอาคืนจากเด็กหญิงเอไหม จากนั้นจึงชวนกันไปช่วยกันจับแล้วตบหน้าเด็กหญิงเอ รวม 4 คน จากนั้นทางผู้ปกครองเด็กหญิงเอ ได้มาร้องทางโรงเรียนต้องการอยากให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ทางโรงเรียนได้ชี้แจ้งว่าบางอย่างทางโรงเรียนไม่สามารถเปลี่ยนวิธีการทำงานของโรงเรียนให้เหมือนตามที่ผู้ปกครองท่านใด ๆ ต้องการได้

ทางด้านนางพจณีย์ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ปกครองเด็กหญิงเอ กล่าวว่าตัวเองในฐานะเป็นยายเด็กหญิงเอ ไม่ได้ติดใจสงสัยเอาเรื่องเอาความทางผู้ปกครองและเด็กนักเรียนที่ร่วมกันก่อเหตุแต่อย่างใด แต่ติดใจสงสัยว่าหลังจากมีเหตุการณ์ขู่ฆ่ากันทางโรงเรียนทำไมไม่แจ้งทางผู้ปกครองของเด็กหญิงเอ ทราบแต่อย่างใด ซึ่งการติดต่อมีหลายทาง เช่น การติดต่อทางโทรศัพท์ การเขียนจดหมายฝากในกระเป๋าเด็กมา หรือฝากคนขับรถตู้รับส่งนักเรียนมาแจ้งให้ทางผู้ปกครองเด็กหญิงเอ ทราบก็ได้แต่ทางโรงเรียนกับปล่อยปละละเลย แจ้งผู้ปกครองอีกฝ่ายหนึ่งทราบเพียงฝ่ายเดียว ตนเองได้ทราบเรื่อง หลังจากเรื่องเลยเถิดถึงขั้นมาตบตีกันแล้ว

หลังจากทราบเรื่องจึงได้เดินทางไปที่โรงเรียนเพื่อพบกับผู้อำนวยการโรงเรียน เมื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ทางโรงเรียนกับปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ ผอ.แจ้งว่า ผอ. ไม่อยู่ จากนั้นได้ขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ผอ. ได้รับคำตอบว่าไม่ทราบและไม่สามารถให้ได้เกรงว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อน ซึ่งตนเองแปลกใจมากเพราะเวลาดังกล่าวยังไม่เลิกเรียน ทำไมให้เบอร์ติดต่อไม่ได้ ทั้งที่เป็นช่วงเวลาทำการแท้ ๆ

ต่อมาได้มีรองผู้อำนวยการโรงเรียนพร้อมครูฝ่ายปกครองออกมาพบและได้ชี้แจงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่รองผู้อำนวยการยืนยันว่าโรงเรียนได้มีการติดต่อผู้ปกครองแล้ว ตนเองบอกว่าไม่มีการติดต่อแจ้งแต่อย่างใดขอยืนยัน ทางรอง ผอ. ได้กล่าวว่าหากพบหลักฐานว่ามีการติดต่อทางผู้ปกครองแล้ว ทางผู้ปกครองจะต้องรับผิดชอบเพื่อเรียกขวัญกำลังใจครูกลับคืนมา ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าในฐานะเป็นผู้ปกครองไปแจ้งร้องเรียนเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับโรงเรียนทราบ แต่กลับทางโรงเรียนจะจับผิดให้รับผิดชอบอีก ทั้งนี้ตนต้องการให้ทางโรงเรียนเชิญผู้ปกครองทุกฝ่ายมาพบปะเพื่อหาทางแก้ไขและป้องกันเหตุบานปลายภายหลัง แต่โรงเรียนกับปฏิเสธและเพิกเฉย และตนเองยังติดใจเรื่องที่ทางโรงเรียนได้ถ่ายคลิปวิดีโอของเด็กหญิงเอ ช่วงสารภาพไว้ว่าโรงเรียนมีอำนาจการทำหรือไม่ เข้าข่ายละเมิดสิทธิเด็ก ซึ่งมีอายุไม่ถึง 13 ปี ดังนั้นจะได้ดำเนินการให้ถึงที่สุด

ซึ่งทางโรงเรียนกับบ่ายเบี่ยงข้อเสนอดังกล่าว อ้างเป็นระเบียบขั้นตอนของโรงเรียน ล่าสุด นางพจณีย์ ในฐานะเป็นยายของเด็กหญิงเอ จึงให้เด็กหญิงเอ ลาออกจากโรงเรียนเอกชนระหว่างกลางเทอมดังกล่าวแล้ว เพื่อไปเข้าเรียนโรงเรียนแห่งใหม่และจะทำหนังสือร้องเรียนหน่วยงาน สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดลำพูนทราบข้อเท็จจริ งและดำเนินการตามข้อร้องเรียนและข้อเท็จจริงต่อไป

ด้านนางสาวธณัถฐา กล่าวว่า เท่าที่ฟังทั้งฝ่ายพูดทางผู้ปกครองเด็กหญิงเอ ไม่ได้ติดใจสงสัยเอาความผู้ปกครองและเด็กที่ก่อเหตุแต่อย่างใด คงเป็นปัญหาระหว่างผู้ปกครองเด็กหญิงเอ กับโรงเรียนเอกชนแห่งนี้ และต้องยอมรับสื่อทางโซเซียลเดียวนี้ไว เด็กมีพฤติกรรมเรียนแบบเร็ว ธรรมดาลูกหลานเราอยู่นอกบ้านมีพฤติกรรมอย่างไรบ้างเราไม่รู้ ทางผู้ปกครองซึ่งทางผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายต่างจะดำเนินการแจ้งให้เด็กที่ก่อเหตุไปอบรมปรับปรุงแก้ไขในความประพฤติต่อไป

ส่วน พ.ต.ต.สุระศักดิ์ กล่าวว่าการที่ได้เรียกผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายและโรงเรียนมาไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออกไปในทางที่ดีและได้ลงบันทึกประจำวันไว้ ส่วนคลิปวีดีโอที่โรงเรียนถ่ายไว้ทางโรงเรียนจะลบทิ้งและไม่ให้ส่งต่อให้ใคร จากนั้นได้ลงลายมือชื่อเป็นหลักฐานครบทุกฝ่าย โดยช่วงระหว่างรอลงบันทึกประจำวันทางผู้สื่อข่าวได้ขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ผอ. โรงเรียน เพื่อที่จะได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม แต่ได้รับการปฏิเสธ ก่อนที่จะเดินลงจากโรงพักไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น