โปลิศแม่โจ้ จับจริง ปรับหนักถ้าเผาในพื้นที่

พ.ต.อ.ณฐภณ แก้วกำเนิด ผกก.สภ.แม่โจ้ อ.สันทราย เชียงใหม่ กล่าวในระหว่างร่วมประชาคมจัดทำแผนชุมชนเมืองแม่โจ้ ที่วัดทุ่งหมื่นน้อย เมืองแม่โจ้ว่า แม้อำเภอสันทรายจะมีโรงพัก กำกับดูแลพื้นที่ ทั้งเมืองแม่โจ้, สันทราย และแม่แฝก แต่ความร่วมมือของประชาชน ในการช่วยสอดส่อง ดูแลชุมชน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ยังเป็นสิ่งสำคัญ

แม้กระทั่งปัญหาการเผาวัชพืช เผาขะ ซึ่งเดิมวิถีพื้นบ้านทั่ว ๆ ไป ตามความคุ้นชิน ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อสังคมเมืองที่เจริญขึ้น ขยายตัว มีการอยู่ร่วมอาศัยกันเป็นหมู่มาก และสังคมส่วนรวมตระหนักชัดว่า เมื่อมีการเผาเกิดขึ้นแต่ละสถานที่ ในช่วงแล้งร้อน ได้สร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่อย่างมาก

เป็นที่ทราบกันดีว่า เชียงใหม่ เผชิญปัญหาหมอกควันไฟ ทั้งจากไฟป่า การเผาไหม้ในรูปแบบเผาขยะ เผาวัชพืช กระทั่ง การเผาไหม้ของยานพาหนะ เกิดควันดำ ไม่เพียงกระทบการใช้ชีวิตปกติประจำวัน ยังมีผลด้านการท่องเที่ยว ดังนั้นมาตรการที่จังหวัดประกาศกำหนดเขตควบคุมการเผา ในที่โล่ง และมาตรการทางกฎฆมายในการควบคุม ในฐานะหน่วยงานราชการก็ต้องถือปฏิบัติ

พ.ต.อ.ณฐภณ กล่าวว่า เหตุการเผาข้างทางที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่สังคม ช่วยกันดูแลสอดส่อง แจ้งผู้นำชุมชน แจ้งตำรวจ ท้องที่อย่างต่อเนื่อง กรณีที่เผาวัชพืช หน้าร้านอาหารชาววัง จนลุกลาม มีการประสานรถดับเพลิงจากหนองจ๊อม มาร่วมด้วย ก็มีการส่งฟ้องไปเมื่อวาน ผู้กระทำความผิดไม่อุทธรณ์ จำคุก 15 วันตามระเบียบ

อยากให้ประชาชน ตระหนักรู้และเข้าใจว่า การเผานั้น แม้จะเป็นเรื่องที่เคยชิน แต่การอยู่ร่วมกันในสังคมการรับรู้วิกฤติปัญหาหมอกควันร่วมกัน ที่มีต้นตอจากการเผา ปัจจุบันมีกฎฆมาย มีประกาศจังหวัดควบคุม ถ้ากระทำผิด จะมีทั้ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ร.บ.ป่าสงวน ซึ่งมีโทษ จับปรับหนัก รวมถึง พ.ร.บ.การสาธารณสุข 2535 แก้ไขเพิ่มเติม จะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรอปรับไม่เกิน 25,000 บาทหรือทั้งจำและปรับด้วย

ที่ผ่าน ๆ มา ในฐานะหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายอีกหน่วย ต้องดำเนินการตามอำนาจ หน้าที่ มีการประสานสายตรวจเวร เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง ผู้ใหญ่บ้านร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ป่า จุดที่เผาไหม้ มีความเสียหายส่งผลต่อชุมชน

ร่วมแสดงความคิดเห็น