ป.ป.ส. ชี้ขบวนการลำเลียงยาเสพติดเปลี่ยนช่องทางลักลอบนำเข้าไทย

ป.ป.ส. ชี้ขบวนการลำเลียงยาเสพติดเปลี่ยนช่องทางลักลอบนำเข้าไทย ใช้ชายแดนด้านตะวันตก หลบเลี่ยงการสกัดกั้นตามแนวชายภาคเหนือ 9 เดือน ยึดไอซ์-คีตามีน เกือบ 7 ตัน ปลายทางส่งต่อไปต่างประเทศ

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) ให้ข้อมูลว่ามีแนวโน้มการลักลอบลำเลียงนำยาเสพติดเข้าไทยทางชายแดนด้านตะวันตกมีเพิ่มขึ้น โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาคือ ตั้งแต่มิถุนายน 2562 ถึงกุมภาพันธ์ 2563 จากการปฏิบัติการของหน่วยงานความมั่นคงทั้ง กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการปกครอง และสำนักงาน ป.ป.ส. ส่งผลให้มีการจับยึดไอซ์ที่จากการข่าวและการสืบสวนระบุว่าถูกลักลอบนำเข้าตามแนวชายแดนด้านตะวันตกถึง 7 ครั้ง คือ ลักลอบนำเข้าทาง อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี 2 ครั้ง รวม 1,787 กก. อ.แม่สอด จ.ตาก 2 ครั้ง รวม 1,581 กก. และ อ.พบพระ จ.ตาก 3 ครั้ง รวม 2,469 กก. โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 มีการจับยึดไอซ์ 910 กก. และคีตามีน 100 กก. ที่ลักลอบนำเข้าทาง อ.พบพระ จ.ตาก รวมไอซ์ที่จับยึดได้ 6,747 กก. อย่างไรก็ตามพบว่าเส้นทางของยาเสพติดที่ถูกลักลอบนำเข้ามาส่วนใหญ่จะใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อส่งต่อไปยังต่างประเทศ

เลขาธิการ ป.ป.ส. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นผลมาจากมาตรการสกัดกั้นตามแนวชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ดำเนินการมาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา หน่วยกำลังป้องกันชายแดนภาคเหนือทั้งทหารและตำรวจได้มีการลาดตระเวนและปะทะด้วยอาวุธกับกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงบ่อยครั้ง สร้างความสูญเสียให้กับฝ่ายตรงข้ามทั้งกำลังคนและยาเสพติดจำนวนมาก ซึ่งกล่าวได้ว่าการดำเนินมาตรการประสบผลขั้นทำให้กลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงและช่องทางลักลอบนำเข้าเพื่อหลบเลี่ยงการปฏิบัติของฝ่ายไทยจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภาคตะวันตกของประเทศ

สำนักงาน ป.ป.ส. จึงเร่งดำเนินมาตรการการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนภาคตะวันตก ทั้งการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 ที่ร่วมมือ 5 ประเทศลุ่มน้ำโขง ยกระดับการสกัดกั้นเคมีภัณฑ์/สารตั้งต้นและยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดตากและกาญจนบุรี รวมถึงแผนการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน ที่เพิ่มขีดความสามารถให้แก่ด่านสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ ทั้งด่านแม่สอด-เมียวดี ด่านห้วยยะอุ และด่านพยุหะคีรี จ.ตาก เพื่อหยุดยั้งกระบวนการการผลิตยาเสพติด ตัดวงจรการส่งออกและแพร่กระจายยาเสพติดผ่านประเทศไทยไปยังประเทศปลายทาง

จากสถานการณ์ดังกล่าว สำนักงาน ป.ป.ส. จะได้ประชุมหารือหน่วยกำลังป้องกันชายแดนเช่น กองกำลังนเรศวร กองทัพภาคที่ 3 กองกำลังสุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการเชิงรุกในการเฝ้าระวังและสกัดการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาตามแนวชายแดนด้านตะวันตกให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติมากขึ้น ควบคู่ไปกับการประสานความร่วมมือกับเมียนมาในการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการ 1511 ในพื้นที่รับผิดชอบของเมียนมา

โดยการดำเนินการและผลที่กล่าวมาข้างต้นเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และข้อเน้นย้ำของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ดำเนินการทุกวิถีทางภายใต้กรอบของกฎหมายและความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขและลดปัญหายาเสพติด เพื่อให้สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด

สำนักงาน ป.ป.ส. ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการดำเนินงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และหากพบเห็นบุคคลที่กระทำความผิดหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสยาเสพติดได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส.โทร. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง

ร่วมแสดงความคิดเห็น