วิเคราะห์ราคาทองคำ พุ่งสูงสุดในรอบ 7 ปี

ราคาทองคํา มีการปรับขึ้นติดต่อกันอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 5  ไปแตะที่ระดับ 1,610 ดอลลาร์  ล่าสุด วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ราคาทองคําในประเทศไทย เปิดตลาดเมื่อเวลา 09.25 น. พุ่งขึ้น 350 บาทจากประกาศราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายเมื่อ วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ราคาผันผวน 6 รอบ รวมแล้วปรับขึ้น 200 บาท โดย

ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 24,150 ขายออกบาทละ 24,250 บาท

ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 23,710.24 ขายออกบาทละ 24,750 บาท

     โดยราคาทองคํา เคลื่อนไหวที่  1,620 ดอลลาร์ พุ่งขึ้น 8.7 ดอลลาร์ สู่ระดับ 1,620.5 ดอลลาร์ ติดต่อกันเป็นวันที่ 6 แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี จากการประเมินคาดว่า ปัจจัย ต่อเนื่องนั้น มาจากแรงหนุนการเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย จากความวิตกกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจ ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมีปัจจัยหนุน มาจากรัฐบาลจีน มีประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ออกมา

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ระบุ สาเหตุที่ราคาทองคำ พุ่งเกิดจาก แรงหนุนจากความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว จากผลกระทบของไวรัส COVID-19 และการอัดฉีดสภาพคล่องของ Fed ทำให้ตลาดทองคําฮ่องกง เปิดตลาดเช้านี้ปรับขึ้น 110 ดอลลาร์ฮ่องกง สู่ระดับ 15,040 ดอลลาร์ฮ่องกง ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งทะลุ 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์

โดยในปี 2011 การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และวิกฤติหนี้ยุโรป ราคาทองคำได้ทำจุดสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ราว 1,900 ดอลลาร์ต่อออน และต่อมาได้มีการปรับตัวลง และในปี 2013 หลัง Fed ส่งสัญญาณจะยุติการอัดฉีดสภาพคล่อง (Taper Tantrum) ทำให้ ทองคำกลับมาเคลื่อนไหวที่ 1,200 – 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลาหลายปี

                จนกระทั่งในปี พ.ศ.2562 ช่วงไตรมาส 3 ราคาทองคำได้พุ่งทะลุ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง โดยมีปัจจัยหนุน จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการกลับมาอัดฉีดสภาพคล่องของ Fed ตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นมา

ในระยะสั้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ราคาทองคำ อาจผันผวน เนื่องจากการเก็งกำไร ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า ที่มีมูลค่าสูง และปัจจัยกดดัน จากการลดการอัดฉีดสภาพคล่องของ Fed ในช่วงไตรมาส 2

แต่ในระยะยาว ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ แนะนำให้ถือทองคำ ไว้ก่อนเพื่อกระจายความเสี่ยง และลดความผันผวน ของพอร์ตการลงทุน ในช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจ จากความผันผวน ของราคาทองคำตลาดโลก ทำให้ราคาทองคำในไทย ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นนั้น ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดการเงินและการลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นนับจากปลายปี 2555 จนถึงปัจจุบัน สืบเนื่องจากธนาคารกลางใหญ่ของโลก มีมุมมองที่จะปรับดอกเบี้ยลดลง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐฯ ญี่ปุ่น หรือในยุโรป

นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และปัจจัย จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่าง อิหร่าน กับ สหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนก็มีความกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะบานปลาย  ส่งผลกระทบในเชิงลบกับสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้น

ส่งผลให้นักลงทุน ไม่กล้าเข้าลงทุนในหุ้น และเลือกลงทุนในทองคำแทน เพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อทำกำไรในระยะสั้น โดยคาดว่าค่าเงินบาท ที่อาจจะแข็งค่ากลับลงมา อาจส่งผลให้เป้าหมายปลายปีนี้ราคาทองอยู่ที่ 25,500 บาท ส่วนกรอบทั้งปีอยู่ที่ 22,000-27,000 บาท

ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ ระบุว่า ในไตรมาสแรก ภาคการผลิตของจีนดำเนินงานได้เพียง 30-50% จึงทำให้เศรษฐกิจจีนจะมีการขยายตัวเพียง 3.5% หากไม่สามารถกลับสู่ภาวะปกติ อย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก

จากรายงานเศรษฐกิจของสหรัฐประกาศศดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ. ตัวเลขคาดการณ์จะจะลดลงสู่ระดับ 51.5 ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.พ. ตัวเลขคาดการณ์จะทรงตัวที่ระดับ 53.3 และยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. ตัวเลขคาดการณ์จะลดลงสู่ระดับ 5.46 ล้านยูนิต

รวมถึงมีปัจจัยที่ค่าเงินบาทที่อ่อนลง ความรุนแรงของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง เป็นแรงเสริมทำให้ราคาทองคำนั้นเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย ทองจะพุ่งขึ้นอีกหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น