กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม ร่วมหาออกฟื้นฟูการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ความเคลื่อนไหวของชาวบ้านที่เป็นเจ้าของบ้านพักและรีสอร์ตที่ม่อนแจ่ม แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ในตำบลแม่แรม อำเภอริม จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากกรมป่าไม้เข้ามาจัดระเบียบกับผู้ประกอบการบ้านพักและรีสอร์ต ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม โดยได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกพื้นที่ป่า 27 ราย
ล่าสุดวันนี้ 27 ก.พ. 63 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม ได้จัดเสวนาหาทางออก “แนะนำการท่องเที่ยว และร่วมอนุรักษ์ม่อนแจ่ม” เพื่อพบปะพูดคุยกับผู้นำชุมชน และตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของจังหวัดเชียงใหม่ และของประเทศอย่างยั่งยืน โดยมีนายพนม เมธาอนันต์กุล ประธานเครือข่ายชาวม่อนแจ่มเพื่อสิทธิที่อยู่อาศัยและทำกิน, นายวิชิต เมธาอนันต์กุล ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรม่อนแจ่ม, นายเอกรินทร์ นทีไพรวัลย์ เจ้าของม่อนวิวงาม รวมทั้งตัวแทนชาวบ้านและผู้ประกอบการเข้าร่วมประชุม
นายพนม กล่าวว่า  ชาวบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่มานานกว่า 100 ปี ในอดีตชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย ต่อมาหลังในหลวง ร.9 เสด็จมาเยี่ยมเยือนราษฎรในพื้นที่ ทำให้หน่วยงานต่าง ๆ เริ่มเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้าน รวมทั้งมูลนิธิโครงการหลวงที่เข้ามาส่งเสริมชาวบ้านปลูกพืชเมืองหนาว พร้อมมีการจัดสรรที่ดินทำกินให้ชาวบ้าน แต่การทำเกษตรมีข้อจำกัด เพราะพื้นที่แห้งแล้ง ขาดแคลนแหล่งน้ำ โครงการหลวงจึงเข้ามาให้การส่งเสริมพื้นที่ม่อนแจ่มให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ชาวบ้านจึงหันมาทำการท่องเที่ยวเป็นอาชีพเสริม นอกเหนือจากการทำเกษตร เพราะพื้นที่ทำกินมีจำกัดต่อการทำเกษตร
ปัจจุบันม่อนแจ่มมีจำนวนประชากรอาศัยอยู่ 3,000 กว่าคน และมีพื้นที่ทำกิน รวมทั้งหมดประมาณ 2,000 ไร่ เฉลี่ยแล้วชาวบ้านมีที่ดินทำกินคนละไม่ถึง 1 ไร่ หากทำการเกษตรเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ การก้าวเข้าสู่ธุรกิจท่องเที่ยว จึงเป็นหนทางที่จะทำให้ชาวบ้านที่นี่ลืมตาอ้าปากได้
นายพนม บอกว่า อยากวิงวอนให้หน่วยงานภาครัฐเปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้เจรจาหาทางออกและข้อยุติร่วมกัน เราเห็นแล้วว่าที่นี่เคยเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่น ซึ่งก็สร้างความเสียหายในหลาย ๆ ด้าน ส่วนการทำเกษตรก็มีความเสียหายเกิดขึ้นกับพื้นที่ ขณะที่การท่องเที่ยวก็มีความเสียหายเช่นกัน แต่มีน้อยกว่า ชาวบ้านจึงเลือกที่จะทำการท่องเที่ยว ที่ควบคู่ไปกับการทำการเกษตร
ด้านนายเอกรินทร์  กล่าวว่า  ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวในพื้นที่ม่อนแจ่ม ส่งผลดีต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ปัญหาด้านยาเสพติดแทบไม่มี ปรากฏการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ทั้งการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณโทรศัพท์ ได้สร้างแรงกดดันให้กับชาวบ้านอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำเหมือนชาวบ้านเป็นอาชญากร ถูกล้อมกรอบ
ทั้งนี้หลังกรมป่าไม้เข้ามาจัดระเบียบพื้นที่ม่อนแจ่ม ชาวบ้านได้ให้ความร่วมมือ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติ การปรับปรุงที่พักให้ถูกหลักอนามัย การดูแลรักษาป่า การกำจัดขยะอย่างถูกต้อง รวมถึงการดูแลระวังไฟป่า
นายเอกรินทร์  บอกอีกว่า  ผู้ประกอบการและชาวบ้านอยากขอให้หน่วยงานภาครัฐ เข้าร่วมกับชาวบ้านในการพัฒนาม่อนแจ่มให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเป็นโมเดล เช่น ลดพื้นที่สร้างบ้านพักให้เหลือร้อยละ 20 ส่วนอีกร้อยละ 40  เป็นเกษตร ปลูกผักและผลไม้เมืองหนาว ส่วนอีกร้อยละ 40 เป็นพื้นที่สีเขียว
สำหรับผู้ประกอบการบ้านพักและรีสอร์ตที่ม่อนแจ่ม มีทั้งหมด 116 ราย มีบ้านพักประมาณ 500 กว่าหลัง และมีเต็นท์ราว 1,000 หลัง ล่าสุดชาวบ้านและผู้ประกอบการ ได้รื้อถอนบ้านพักและเต็นท์ไปบางส่วนแล้ว ขณะที่ส่วนใหญ่ได้ปิดให้บริการ เพื่อปฎิบัติตามประกาศของอำเภอแม่ริม ที่ระบุให้ผู้ประกอบการที่ไม่มีใบอนุญาตธุรกิจโรงแรมต้องปิดบริการ ซึ่งยังมีบางส่วนที่เปิดให้บริการอยู่ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ลดลง ส่วนหนึ่งเนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลโลว์ซีซั่นแล้ว

ร่วมแสดงความคิดเห็น