อสังหาริมทรัพย์ เชียงใหม่ฝืดเคือง ทุนชะงักกว่าแสนล้าน

ล่าสุดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 การปิดตัวของเมืองต่าง ๆ ในแต่ละมณฑลของจีนและการสั่งห้ามบริษัทนำเที่ยวหยุดดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยว โดยหากเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สามารถจะคลี่คลายได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2563 นั้น ย่อมหมายถึงผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยกระทบกลุ่มผู้ร่วมทุนและลูกค้าจองซื้อในปี 2563 นี้
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจโรงแรมนั้น ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา กว่า 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือกว่า 10 ล้านคน คือนักท่องเที่ยวชาวจีนรวมถึงนักลงทุนชาวจีนที่มีความสนใจ ในการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ผลคือนักลงทุนชาวจีนที่ได้เข้ามาซื้ออสังหาฯ ในไทยจะกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในฐานะ joint venture ของนักลงทุนชาวจีน โดยที่ผ่านมามีมูลค่าการร่วมลงทุนจากจีนกว่า 107,300 ล้านบาทเลยทีเดียว
ในส่วนของโครงการก่อนหน้านี้ที่ได้มีการกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ จะได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะนักลงทุนบางส่วนอาจขอเลื่อนโอนและรอให้สถานการณ์คลี่คลายก่อน โดยจะมีผลโดยตรงต่อยอดโอนกรรมสิทธิ์ของผู้ประกอบการ ในเมืองสำคัญที่มีชาวจีนมาลงทุนและคงหนีไม่พ้นเมืองยอดฮิตในหมู่นักลงทุนชาวจีนอย่างเชียงใหม่แน่นอน โดยหลัก ๆ นั้นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 มีผลต่อตลาดอสังหาฯ เชียงใหม่ และประเทศไทยในสองแง่มุมคือ
  1. ผู้ประกอบการต่างชาติ โดยผู้ประกอบการชาวจีนเข้ามาในเชียงใหม่ในฐานะผู้ร่วมทุน โดยมูลค่าการร่วมทุนจากจีนสูงถึงกว่า 107,300 ล้านบาทในประเทศไทย
  2. กำลังซื้อของนักลงทุนชาวต่างชาติ ลูกค้าชาวจีนที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ชะลอตัวมาตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายในปี 2561 แต่ก็ยังคงให้ความสนใจในอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่
โดยผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ส่งผลให้ทั้งสองกลุ่มที่มีผลต่อตลาดอสังหาฯ เชียงใหม่ ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยก่อนหน้านี้ตลาดอสังหาได้รับผลกระทบในปี 2562 ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเกิดการลดลงของการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่จากลูกค้าชาวจีน และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนั้นมีการคาดการณ์ว่าจะส่งผลเสียร้ายแรงยิ่งกว่าตอนสงครามการค้าถ้าทางการจีนยังไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ในเร็ววัน เพราะสุดท้ายแล้วจะมีลูกค้าชาวจีนที่ยกเลิกการซื้อคอนโดมิเนียมในไทยมากขึ้นโดยหลัก ๆ แล้วก็คงหนีไม่พ้นเชียงใหม่และเมืองท่องเที่ยวอื่น อาทิเช่น พัทยา
โดยหากจีนไม่สามารถแก้ไขหรือหาทางออกให้กับเหตุการณ์ในครั้งนี้และปล่อยให้ปัญหาเรื้อรังไปจนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 เชื่อได้เลยว่าไม่ใช่แค่ตลาดอสังหาฯ ในเชียงใหม่ แต่จะกระทบถึงเศรษฐกิจโดยภาพรวมของทั้งประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยตลาดคอนโดฯ ก็เปรียบได้กับตลาดส่งออก ที่มีลูกค้าเป็นชาวจีนนั่นเอง ผนวกกับผลพวงจากสงครามการค้าก่อนหน้านี้ และการแข็งตัวของค่าเงินบาท ส่งผลให้เกิดคอนโดค้างสต็อคจำนวนมากในเชียงใหม่ และตามเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เป็นที่นิยมของนักลงทุนชาวจีน

ร่วมแสดงความคิดเห็น