ราชกิจจาฯ ประกาศบุคลากรศาลปกครอง ห้ามเดินทางไป 11 ประเทศเสี่ยง ‘โควิด-19’

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการบริหารศาลปกครอง (ก.บ.ศป.) เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019 : COVID-19) ความว่า
ประกาศ ก.บ.ศป. เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019 : COVID-19) โดยที่กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างต่อเนื่อง และปรากฏข้อเท็จจริงว่าบัดนี้มีผู้ได้รับการวินิจฉัยโรคติดเชื้อดังกล่าวแล้วเป็นจำนวนมาก และโรคติดเชื้อนี้ยังได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปยังหลายประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก
ประกอบกับคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2563 วันที่ 24 ก.พ. 2563 เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ให้เพิ่มโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคติดต่ออันตรายลำดับที่ 14 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ก.บ.ศป. ในฐานะผู้มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการบริหารราชการศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครองให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ แบบแผน ประเพณีปฏิบัติของทางราชการ และนโยบายของประธานศาลปกครองสูงสุด
จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคลากรของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง และเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการในที่สุด
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 41/8 (1) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2560 ก.บ.ศป. จึงออกประกาศดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ห้ามมิให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการต่างประเทศ อนุญาตหรืออนุมัติให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองไปต่างประเทศหรือเดินทางไปราชการต่างประเทศ ยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งมีกำหนดการเดินทางตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ มีผลใช้บังคับ โดยประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ประกอบด้วย
1. สาธารณรัฐเกาหลี (South Korea)
2. สาธารณรัฐจีน (Taiwan)
3. สาธารณรัฐประชาชนจีน
4. เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
5. เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
6. ญี่ปุ่น
7. มาเลเซีย
8. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
9. สาธารณรัฐสิงคโปร์
10. สาธารณรัฐอิตาลี
11. สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
และ 12. ประเทศหรือเขตการปกครองอื่นตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดประกาศกำหนด
ข้อ 2 ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศหรืออนุมัติให้เดินทางไปราชการยังประเทศหรือ เขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) ตามข้อ 1 ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการต่างประเทศ มีคำสั่งยกเลิกการอนุญาตหรือการอนุมัติดังกล่าว ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองมีเหตุผลหรือความจำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางดังกล่าวได้ ให้ยื่นขออนุญาตต่อผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการ เพื่อพิจารณาเป็นรายกรณี และเมื่อเดินทางกลับมาถึงราชอาณาจักรไทยแล้ว ให้ดำเนินการตามข้อ 3
ข้อ 3 ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองผู้ใดเดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) และกลับมาถึงราชอาณาจักรไทยภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามประกาศนี้ ให้ผู้นั้นมีหน้าที่แจ้งทางโทรศัพท์ โทรสาร หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราชการทราบโดยเร็ว ในวาระแรกที่สามารถกระทำได้นับแต่วันที่เดินทางกลับมาถึงราชอาณาจักรไทย และให้ผู้มีอำนาจอนุญาตการไปต่างประเทศหรือผู้มีอำนาจอนุมัติให้เดินทางไปราช การพิจารณาสั่งให้ผู้นั้นหยุดราชการเป็นเวลา 14 วัน นับจากวันที่กลับมาถึงราชอาณาจักรไทย เพื่อแยกตัวเอง (Self-quarantine) และให้ปฏิบัติตามคำแนะนำการป้องกันควบคุมโรคไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข โดยเคร่งครัด
การสั่งให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองที่ได้รับอนุญาตไปต่างประเทศตามวรรคหนึ่งหยุดราชการ ให้ถือเป็นการลาป่วย
การสั่งให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองที่ได้รับอนุมัติให้เดินทางไปราชการตามวรรคหนึ่งหยุดราชการ ไม่ถือเป็นวันลา และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณีมอบหมายงานให้ปฏิบัติตามความเหมาะสม ณ ที่พักอาศัย
ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง ซึ่งได้รับการสั่งให้หยุดราชการตามวรรคหนึ่ง เมื่อพ้นระยะเวลาตามที่กําหนดและไม่ปรากฏอาการใด ให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ตามปกติ ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ให้สวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติ ตามคําแนะนําการป้องกันควบคุมโรคไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยเคร่งครัดอีก 14 วัน
ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครองผู้ใด ซึ่งเดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) ขัดขืนหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง หรือแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อมูลที่ควรแจ้ง ให้ผู้มีอํานาจดําเนินการทางวินัยข้าราชการ ศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครองพิจารณาดําเนินการทางวินัย ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 4 ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง ผู้ใดมีบุคคลที่พักอาศัยหรืออยู่ในสถานที่ทํางานเดียวกัน และมีประวัติการเดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) ให้ผู้นั้นมีหน้าที่แจ้งทางโทรศัพท์ โทรสาร หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ แก่ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี ทราบโดยเร็วในวาระแรกที่สามารถกระทําได้ และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี พิจารณาสั่งให้ผู้นั้น หยุดราชการเป็นเวลา 14 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้ง กับทั้งให้ดําเนินการตามข้อ 3 โดยอนุโลม ทั้งนี้ การหยุดราชการตามข้อนี้ไม่ถือเป็นวันลา และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี มอบหมายงานให้ปฏิบัติตามความเหมาะสม ณ ที่พักอาศัย
ข้อ 5 ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงาน ศาลปกครองผู้ใดแม้มิได้เดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยง ต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) แต่มีภาวะเสี่ยง ต่อโรคติดเชื้อดังกล่าว ให้ผู้นั้นมีหน้าที่แจ้งทางโทรศัพท์ โทรสาร หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี ทราบโดยเร็วในวาระแรกที่สามารถกระทําได้ และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี พิจารณาสั่งให้ผู้นั้น หยุดราชการเป็นเวลาสิบสี่วันนับจากวันที่ได้รับแจ้ง กับทั้งให้ดําเนินการตามข้อ 3 ทั้งนี้ การหยุดราชการ
ตามข้อนี้ไม่ถือเป็นวันลา และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี มอบหมายงานให้ปฏิบัติตามความเหมาะสม ณ ที่พักอาศัย
ข้อ 6 ในกรณีที่ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงาน ศาลปกครองผู้ใดมีการเดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยง ต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) หรือแม้มิได้เดินทาง ไปยังประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) แต่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อดังกล่าว ก่อนที่ประกาศนี้จะมีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา ให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงาน ศาลปกครองผู้นั้นดําเนินการตามข้อ 3 หรือข้อ 5 แล้วแต่กรณี โดยอนุโลม การหยุดราชการ ตามข้อนี้ไม่ถือเป็นวันลา และให้ประธานศาลปกครองสูงสุด อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น หรือเลขาธิการ สํานักงานศาลปกครอง แล้วแต่กรณี มอบหมายงานให้ปฏิบัติตามความเหมาะสม ณ ที่พักอาศัย
ข้อ 7 ให้ศาลปกครองและสํานักงานศาลปกครองงดหรือเลื่อนการเชิญบุคคลจาก ต่างประเทศมาร่วมการประชุม สัมมนา หรือการดําเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาลปกครองและ สํานักงานศาลปกครองระหว่างระยะเวลาตามประกาศนี้ออกไปก่อน เว้นแต่มีความจําเป็น อย่างยิ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงการประชุม สัมมนา หรือการดําเนินการดังกล่าวได้ และหากมีค่าใช้จ่าย ที่เกิดขึ้นแล้วก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ตามที่จ่ายจริง
ข้อ 8 ให้สํานักงานศาลปกครองกําหนดมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) สําหรับบุคคลภายนอก เช่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานทําความสะอาด ผู้ประกอบการ ผู้รับเหมาปรับปรุงอาคาร ที่เข้าดําเนินกิจกรรมหรือ ปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ในพื้นที่อาคารศาลปกครองและพื้นที่เช่าของสํานักงานศาลปกครอง ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค โดยใช้มาตรฐานการป้องกันโรคติดเชื้อดังกล่าวตามประกาศนี้โดยอนุโลม
ข้อ 9 ให้ศาลปกครองและสํานักงานศาลปกครองเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19) ตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยให้สํานักงานศาลปกครองดําเนินการ ดังต่อไปนี้
(1) สร้างความตระหนักรู้ จัดทําสื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ เช่น โปสเตอร์ คลิปวีดิโอ แนะนําวิธีการล้างมือที่ถูกวิธี การสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกวิธี และการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Diseases 2019, COVID-19)
(2) จัดให้มีอุปกรณ์สําหรับการล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ และจัดสถานที่สําหรับล้างมือ ในจุดต่าง ๆ เช่น บริเวณทางเข้าอาคารสํานักงาน โถงลิฟต์ ห้องประชุม ห้องพิจารณาคดี และโรงอาหาร
(3) จัดให้มีการทําความสะอาดอุปกรณ์และบริเวณที่มีผู้สัมผัสปริมาณมากอย่างสม่ำเสมอ เช่น ลิฟต์ ราวบันได โต๊ะทํางาน และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
(4) จัดให้มีการทําความสะอาดพื้นและบริเวณห้องที่ใช้ในการปฏิบัติงาน เช่น ห้องทํางาน ห้องประชุม ห้องคอมพิวเตอร์ และห้องสมุด
(5) จัดให้มีการทําความสะอาดรถยนต์ส่วนกลาง ในบริเวณที่สัมผัสกับผู้โดยสาร เช่น ที่จับบริเวณประตู ราวจับ เบาะนั่ง และที่วางแขน
(6) ส่งเสริมให้ข้าราชการศาลปกครอง พนักงานราชการ และลูกจ้างสํานักงานศาลปกครอง มีของใช้ส่วนตัวที่จําเป็น เช่น แก้วน้ํา ช้อนส้อม ผ้าเช็ดหน้า และงดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น
(7) ดําเนินการเฝ้าระวังและคัดกรองอย่างเหมาะสมสําหรับผู้ที่มาติดต่อราชการ เช่น การวัด อุณหภูมิร่างกาย และให้บริการหน้ากากอนามัย
(8) การอื่นใดที่เห็นว่าเหมาะสมและจําเป็น
ข้อ 10 ให้เลขาธิการสํานักงานศาลปกครองโดยความเห็นชอบของประธานศาลปกครอง สูงสุดมีอํานาจกําหนดหลักเกณฑ์หรือแนวทางปฏิบัติเพื่อประโยชน์ในการดําเนินการตามประกาศนี้ได้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ร่วมแสดงความคิดเห็น