หารืออุปทูตจีน ขอซื้อยาต้านไวรัสโควิด-19 เป็นกรณีพิเศษ ยืนยันไทยยังไม่เข้าสู่ระยะที่ 3

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังพบ นายหยาง ซิน อุปฑูตจีนประจำประเทศไทย ว่าได้ขอให้ช่วยเจรจากับผู้ผลิตยาที่ได้ลิขสิทธิ์ ในการผลิตยาการรักษาโรคโควิด-19 ที่มีสรรพคุณใช้ได้ดีกับผู้ป่วย ให้ทางการไทยสามารถซื้อยาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากยาที่นำมารักษาใช้ในการรักษาคนจีนกว่าครึ่ง ซึ่งทางการจีนยังไม่อนุญาตให้มีการขายยาออกนอกประเทศ
ยืนยันยาของไทยที่ผลิตเองและใช้รักษา เพื่อยับยั้งอาการได้ หากไม่มีการแพร่ระบาดที่รุนแรงมากกว่านี้ ทั้งนี้จากการรักษา ไทยมีความมั่นใจมากขึ้น ผู้ป่วย 43 ราย 2 ใน 3 รักษาหายโดยใช้ยาที่มีอยู่ในประเทศ แต่เป็นยาประคองอาการ ทำให้ผู้ป่วยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อไวรัสและหายป่วย พร้อมย้ำผู้ที่เสียชีวิตเมื่อวานนี้ รักษาอาการโรคโควิด -19 หายแล้ว แต่อาการป่วยจากโรคอื่นประกอบ ทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับโรคนี้ได้
วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะประกาศแผนบูรณาการป้องกันรับมือโควิด-19 โดยยังไม่ใช่การประกาศยกระดับเข้าสู่ระยะที่ 3 เพราะยังไม่มีการแพร่ติดต่อกันเองของคนสู่คนในประเทศ ในลักษณะที่เป็นคนหมู่มาก ขณะนี้ยังอยู่ในระยะที่ 2 โดยการกำหนดระยะเป็นการกำหนดขึ้นมาเอง สำคัญที่สุดต้องมียารักษาผู้ป่วย มีบุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาลเพียงพอ
ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย สามารถที่จะใช้หน้ากากผ้าแทนได้ เพราะถือเป็นการป้องกันการสัมผัสเท่านั้น และหากทุกคนร่วมมือกันใช้หน้ากากผ้า การกักตุนหน้ากากอนามัยจะปล่อยสินค้าออกมาขายเอง ขณะเดียวกันปฏิเสธแสดงความเห็น กรณีนักวิชาการด้านการแพทย์ของสหรัฐฯ ระบุว่า ผู้ที่ไม่ป่วยแล้วใส่หน้ากากจะมีโอกาสติดเชื้อมากกว่า โดยจะให้กรมควบคุมโรคเป็นผู้ชี้แจง ซึ่งเห็นด้วยหากไม่ป่วยก็ไม่ควรใช้ แต่ควรให้ใช้กับผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล หรือเมื่อเข้าไปสู่พื้นที่แออัด

ร่วมแสดงความคิดเห็น