เกษตรกร-ผู้ประกอบการ ประสานเสียงหนุน “สนธิรัตน์” เดินหน้าสู่เป้าหมาย ทำโรงไฟฟ้าชุมชน

จากกระแสการปรับ ครม. เกษตรกรทั่วประเทศประสานเสียงหนุน “สนธิรัตน์” ให้ทำงานต่อ เหตุเข้าใจปัญหา คุยกันรู้เรื่องตรงกับความต้องการ หวังดันราคาปาล์มสูงขึ้นทำให้ชาวสวนลืมตาอ้าปากได้ เกาะติดนับ 10 โครงการพลังงาน เพื่อทุกคนเดินหน้าสู่เป้าหมาย
ซึ่งภาคเหนือเมื่อปลายปีผ่านมา นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ขึ้นเหนือมามอบนโยบายต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน เน้นนโยบาย Energr Energy All พลังงานเพื่อรองรับนโยบายประชารัฐสร้างชาติ โดยมีหลักการที่จะกระจายการบริหารกิจการพลังงานไปสู่ประชาชน ไปถึงชุมชน จากเดิมที่เน้นการบริหารจัดการด้านพลังงาน ผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ จึงเกิดเป็นโครงการโรงงานไฟฟ้าชุมชนนโยบายพลังงาน เพื่อฐานรากส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วม ในการผลิตใช้ไฟฟ้า เพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของตนเองอย่างยั่งยืน โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า สามารถใช้จุดแข็งด้านวัสดุทางการเกษตรที่มีอยู่ มาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าแทนที่จะปล่อยนำไปเผาทิ้งเกิด PM 2.5 ถือเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ให้มีรายได้สร้างความมั่นคง
จากกระแสข่าวของการปรับ ครม. ทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการทั่วประเทศเริ่มผวา นายสนธิรัตน์ พ้นจากกระทรวงพลังงาน ทำให้โครงการต่าง ๆ กว่า 10 โครงการ โดยเฉพาะ ทำโรงไฟฟ้าชุมชน และราคาปาล์มน้ำมันต้องสะดุดไป
สำหรับการทำงานที่ผ่านมาของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มีประกาศนโยบาย “Energy For All พลังงานเพื่อทุกคน” ซึ่งเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์คนไทยทุกคน สามารถยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการขับเคลื่อนนับ 10 โครงการ ให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ที่เป็นรูปธรรมประชาชนสัมผัสได้ในช่วงที่ “นายสนธิรัตน์” นั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ตระหนักถึงภาระของประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว โดยไม่ให้มีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังได้แบ่งเบาภาระประชาชน ด้วยการลดราคาน้ำมันเป็นทางเลือกให้กับประชาชนด้วยการไฟเขียวให้ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในกลุ่มน้ำมันดีเซล ทำให้ส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันดีเซล B 10 ถูกว่าน้ำมันดีเซล B 7 อยู่ที่ 3 บาทต่อลิตร จากเดิมอยู่ที่ 2 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซล B 20 จะถูกกว่าน้ำมันดีเซล B 7 อยู่ที่ 3.50 บาทต่อลิตร จากเดิม 3 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา
เป็นนโยบายต่อเนื่องจากการส่งเสริมการใช้ B 10 ได้ประกาศทั่วประเทศเป็นน้ำมันดีเซลเกรดมาตรฐาน และมี B 20 ที่ใช้สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ม.ค.63 และกำหนดให้ทุกปั๊มทั่วประเทศจำหน่าย B 10 เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา
การส่งเสริม B 10 อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันที่ตกต่ำที่สุดเหลือ 2-3 บาทต่อกิโลกรัม ได้ขยับสูงขึ้นถึง 7-8 บาทต่อกิโลกรัม อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ลืมตาอ้าปากได้ในรอบหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา และยังช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ที่ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาอย่างหนักหน่วงด้วย
นอกจากนี้ ยังได้ใช้โมเดลกันนี้ขยายออกไป ด้วยการส่งเสริมการใช้น้ำมัน E 20 เพื่อแก้ปัญหาราคาอ้อย มันสำปะหลังที่ราคากำลังตกต่ำด้วย
นโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ ถือว่าเป็นนโยบายที่โดนใจชาวบ้านมากที่สุด เพราะชุมชนมีความหวังว่า จะสามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพ แก้ปัญหาความยากจนให้กับชุมชนทั่วประเทศได้
จึงมีเสียงตอบรับอย่างล้นหลามของชุมชนและเกษตรกร ซึ่งผลสำเร็จนี้มาจากกระทรวงพลังงานได้กำหนดโมเดล เพื่อแก้ปัญหาความยากจนของชุมชนรอบโรงไฟฟ้า จะไปก่อสร้าง คาดว่าจะมีเงินลงทุน 7-8 หมื่นล้านบาท ลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และชุมชนยังจะมีรายได้จากส่วนแบ่งจาการขายไฟฟ้า และการขายวัตถุดิบป้อนโรงไฟฟ้าด้วย
ตามกำหนดถ้าไม่มีการปรับ ครม. จะมีการเปิดให้ผู้สนใจยื่นเสนอ ให้มีการคัดเลือกภายในเดือนมีนาคม 2563 นี้
นโยบายสถานีพลังงานชุมชนกำลังจะเดินเครื่อง ในพื้นที่ที่มีศักยภาพทั่วประเทศ โดยใช้โมเดลการพัฒนาชุมชนของ จ.กาญจนบุรี ซึ่งจะถูกนำไปขยายเป็นสถานีพลังงานชุมชนแบบครบวงจร ที่สามารถนำพลังงานจากแสงอาทิตย์ ชีวมวล ขยะ และเชื้อเพลิงฟอสซิลมาบริหารจัดการในกิจกรรมต่างๆ เพื่อลดรายจ่ายด้านพลังงานและสร้างรายได้ต่อยอดอาชีพของชุมชน ซึ่งตอนนี้ได้เปิดให้วิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ ยื่นเสนอโครงการของบสนับสนุนจากกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานแล้ว เช่นเดียวกับโครงการสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อการเกษตรในการลดผลกระทบปัญหาภัยแล้ง ถือเป็นอีกโครงการที่จะช่วยรับมือภัยแล้งให้กับเกษตรกร โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน วงเงิน 10,000 ล้านบาท ในปี 2563
ยังมีอีกหลายโครงการที่กำลังถูกขับเคลื่อนภายใต้นโยบาย Energy for All ที่กำลังเดินหน้าไม่ว่าจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งพื้นที่บริเวณชายขอบ ชายแดน ซึ่งเป็นพื้นที่ปลายสายส่งที่เกิดไฟตกไฟดับ จำเป็นต้องแก้ปัญหาอีกจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดทำแผนงานสนับสนุนงบประมาณผ่านกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ทุกพื้นที่ ได้มีไฟฟ้าใช้อย่างทั่วถึง
เช่นเดียวกับการส่งเสริมการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งได้ร่วมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมภาพรวมให้เกิดการใช้ EV อย่างเป็นรูปธรรม
นายผจญ ศรีบุญเรือง นายกสมาคมการค้าก๊าซชีวภาพไทย เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าชุมชนภายใต้การนำของนายสนธิรัตน์ กำลังเดินมาถูกทางและใกล้จะสำเร็จแล้ว เพราะได้ผู้มีความรู้ความเข้าใจมาขับเคลื่อนนโยบาย แต่ถ้ามีการปรับ ครม. แล้วท่านไม่ได้อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต่อไป ตนคิดว่าโรงไฟฟ้าชุมชนไม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะคนมาใหม่คงไม่เข้าใจการทำงานกับชุมชน ซึ่งแตกต่างจากรัฐมนตรีว่าการกระทารวงพลังงานคนปัจจุบัน ที่ได้คลุกคลีทำงานกับมวลชนมาอย่างยาวนานมาก
นายผจญ ศรีบุญเรือง นายกสมาคมการค้าก๊าซชีวภาพไทย
ด้าน น.ส.จุติมา เจือกโว้น ตัวแทนสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง มาอยู่ที่ 5.40 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ. ขายอยู่ที่ 4.40 บาทต่อกิโลกรัม นับเป็นข่าวดีของเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่ราคาปาล์มสูงขึ้น แม้จะอยู่ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ในอดีตราคาจะตกต่ำมากเมื่อถึงฤดูผลผลิตออกสู่ตลาด “พอได้ข่าวว่าท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะถูกปรับออกจากตำแหน่ง เราก็กังวลว่าราคาปาล์มน้ำมันจะตกต่ำเหมือนที่ผ่านมา ถามใจจริงๆ ไม่อยากให้ท่านไป เพราะท่านได้เข้าใจเกษตรกร สามารถแก้ปัญหาได้ถูกทางตามที่เราต้องการ ทุกอย่างที่ท่านออกเป็นนโยบายมา สามารถแก้ปัญหาราคาปาล์มได้ถูกต้องหมดเลย”
นางสาวจุติมา เจือกโว้น
ส่วนทางชุมชนชายแดนภาคใต้ ก็ห่วงใยโครงการโรงไฟฟ้าจะหยุดชะงัก โดยนายมะแอ สะอะ ประธานกลุ่มรัฐวิสาหกิจชุมชนศิริมงคลปัตตานี บ้านท่าน้ำ ต.ท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี กล่าวว่า ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ได้ลงนามความร่วมมือ MOU กับภาคเอกชนเตรียมยื่นเสนอโรงไฟฟ้าชุมชน ขนาด 3 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ ต.ท่าน้ำ แล้ว ถ้ามีการปรับ ครม. ก็ยังอยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คนเดิมทำงานต่อไป เพื่อประชาชนจะได้มีส่วนร่วมในการเข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้า 10% และสามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพ แก้ปัญหาความยากจนให้กับชุมชน ถ้าประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็จะสามารถแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ได้
นายมะแอ สะอะ
ขณะที่ทางภาคอีสาน น.ส.สุจารี ธนสิริธนากร ประธานวิสาหกิจชุมชนปันบุญ “บ้านดอนแคน” ต.ฆ้องชัยพัฒนา อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้ปลูกพืชผักอินทรีย์แบบครบวงจร และต้องการขยายปริมาณการปลูกผักให้เพียงพอกับความต้องการตลาด แต่ประสบปัญหาต้นทุนจากการขุดเจาะน้ำบาดาล เพื่อสูบน้ำขึ้นมารดผัก จึงได้ของบโครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อการเกษตร จากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน หลังที่เคยนำเสนอโครงการนี้ต่อท่านสนธิรัตน์ ตอนมาลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากท่านอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการปรับ ครม. ถ้าท่านไม่อยู่ผลักดันโครงการสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรก็คิดว่าโครงการไม่น่าจะได้รับการสนับสนุน จึงอยากจะให้ท่านอยู่ในตำแหน่งนี้ จะได้ช่วยเหลือเกษตรกรต่อไปนโยบาย Energy For All พลังงานเพื่อทุกคน เดินมาถูกทางแล้ว แถมคนขับเคลื่อนได้ผลักดันผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน ผู้ประกอบการต่างเกิดความเชื่อมั่น และเกษตรกรได้รับการแก้ปัญหาจนลืมตาอ้าปากได้ ถ้าไม่ได้ไปต่อหลังปรับ ครม.ผลเสียตกอยู่ที่ประชาชนตาดำๆ อย่างหลีกเสี่ยงไม่ได้
#น้าสนจัดให้

ร่วมแสดงความคิดเห็น