ลำปาง ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางแก้ปัญหาวัชพืชน้ำที่แพร่ระบาดในเขื่อนกิ่วลม

นายสิธิชัย จินดาหลวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายปรีชา จานทอง ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 2 นายสุรศักดิ์ สุพรรณคง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา และนายประเสริฐ เนตรอนงค์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานลำปาง ร่วมกันนำทีมคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมทั้งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนภาคประชาชน ภาคประชาสังคมในเขตท้องที่ 2 ตำบล ทั้งตำบลบ้านแลง อำเภอเมืองลำปาง และตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม รวมกว่า 40 หน่วยงาน เข้าร่วมประชุมพร้อมกัน ณ ห้องประชุมเขื่อนกิ่วลม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา สำนักชลประทานที่ 2 ตำบลบ้านแลง อำเภอเมืองลำปาง เพื่อระดมความคิดหาแนวทางในการแก้ไขปัญหากำจัดจอกหูหนูยักษ์ ซึ่งกำลังแพร่ระบาดหนักกระจายอยู่เต็มท้องน้ำภายในเขื่อนกิ่วลม
โดยจากข้อมูลการรายงานถึงสภาพการณ์ภายในบริเวณอ่างเก็บน้ำ พบว่าขณะนี้วัชพืชน้ำจอกหูหนูกำลังได้มีการแพร่ระบาดเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภาพถ่ายมุมสูงล่าสุด ได้แสดงให้เห็นถึงพื้นที่สีเขียวที่ได้มีการแผ่ขยายวงกว้าง กินเนื้อที่ปกคลุมทั่วบริเวณท้องน้ำเป็นระยะทางยาวต่อเนื่อง ตั้งแต่บริเวณหน้าเขื่อนกิ่วลม ตำบลบ้านแลง ยาวไปจนถึงบริเวณท่าน้ำในเขตตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม รวมระยะทางยาวกว่า 18 กิโลเมตร และจากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าขณะนี้ได้มีวัชพืชน้ำแผ่ปกคลุมพื้นที่ท้องน้ำไปแล้วกว่า 10,000 ไร่ หรือ 16 ตารางกิโลเมตร โดยคิดเป็นปริมาณน้ำหนักวัชพืชสด อาจมีน้ำหนักรวมมากกว่า 800,000 ตัน หากปล่อยทิ้งไว้ย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ คุณภาพน้ำจะลดต่ำถึงขั้นเน่าเสียซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องในการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ตลอดจนยังจะก่อให้เกิดปัญหาเป็นอุปสรรคในการสัญจรทางน้ำ และส่งผลกระทบโดยรวมต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดลำปางด้วย ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ทุกหน่วยงานมีข้อตกลงร่วมกันที่จะบูรณาการ ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยจะได้เร่งทำการระดมสรรพกำลัง ทั้งงบประมาณ กำลังคน และเครื่องจักร จากทุกหน่วยงานทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยกันกำจัดจอกหูหนูภายในบริเวณอ่างเขื่อนกิ่วลม
โดยนายสิธิชัย จินดาหลวง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวว่า หลังจากนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้มีการประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อกำหนดขอบเขตภารกิจ หน้าที่รับผิดชอบ และเป้าหมายผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงาน ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการกำหนดขอบเขตของการดำเนินงานไว้ 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน ระยะดำเนินการ และระยะสู่ความยั่งยืน โดยเบื้องต้นในระยะเร่งด่วน ภายใน 1 เดือนต่อจากนี้ ทุกหน่วยจะต้องช่วยกันกำจัดจอกหูหนูตรงจุดบริเวณหน้าเขื่อนกิ่วลม ยาวขึ้นไปตามเส้นทางเหนือท้องน้ำในพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตรออกไปให้หมด ก่อนที่จะมีการดำเนินงานต่อเนื่องในระยะที่สองกำจัดจอกหูหนูตลอดเส้นทางน้ำที่เหลือทั้ง 17 กิโลเมตร โดยจะใช้วิธีการจำกัดพื้นที่กักจอกหูหนูไว้เป็นช่วง ๆ แล้วค่อยทำการตักจอกหูหนูขึ้นมาจากน้ำและนำออกไปทิ้งให้หมดโดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในเดือนกันยายน 2563 นี้ ส่วนในระยะที่ 3 เพื่อให้เกิดความยั่งยืน จะได้มอบหมายให้หน่วยงานท้องที่สองอำเภอ ทั้งอำเภอเมืองลำปาง และอำเภอแจ้ห่ม ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยติดตามสภาพการณ์น้ำ เฝ้าระวัง และคอยกำจัดเศษวัชพืชน้ำที่ยังหลงเหลือ ทั้งนี้เพื่อจะให้ตลอดทั้งลำน้ำมีความสะอาดสดใส ให้เขื่อนกิ่วลมได้กลับมาสวยงามเป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนของชาวลำปางตลอดไป

อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้งบประมาณของรัฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในส่วนของวัชพืชน้ำที่จะทำการกำจัดทั้งหมด ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแนวทางที่จะนำไปใช้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม โดยบางส่วนจะได้นำไปจัดทำเป็นปุ๋ยหมักพืชสด เพื่อแจกจ่ายให้กับหน่วยงานส่วนราชการ สถานศึกษา รวมถึงประชาชนชาวบ้านทั่วไป หรือหากหน่วยงาน หรือบุคคลใดที่มีความต้องการนำวัชพืชน้ำไปใช้เพื่อการดังกล่าวก็จะอนุญาตให้เอารถ หรือพาหนะมาขนใส่ได้ตามจำนวนความต้องการด้วย

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น