ข่าวเชียงใหม่ ข่าวเด่น สังคม สุขภาพ27 มี.ค. 6327 มี.ค. 20pearsaralee เชียงใหม่ พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 4 ราย สะสมเป็น 19 ราย ส่วนกรณีผู้ป่วยจากสำนักงานประกันสังคม จังหวัดเชียงใหม่นั้น ยังรอผลยืนยัน 27 มี.ค. 63 เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 มี.ค. 2563 ที่ห้องศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจ จังหวัดเชียงใหม่ (ศ.ข.ฉ.ก.) ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายแพทย์ชาญชัย พจมานวิพุธ รอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าว สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ ประจำวันที่ 27 มี.ค. 2563 เพื่อแจ้งข้อมูลความคืบหน้าของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ให้พี่น้องประชาชนทราบโดยทั่วกันผ่านช่องทางไลฟ์สดในเฟซบุ๊ก เพ็จข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจ จังหวัดเชียงใหม่ โดยทาง นายแพทย์ชาญชัย พจมานวิพุธ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ภาพรวมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ในช่วง 24 ชม. ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ป่วยที่ยืนยันว่าติดเชื้อโควิด -19 เพิ่มขึ้นจำนวน 4 ราย รวมผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมด 19 ราย โดยใน 1 รายนั้นกลับบ้านไปแล้ว ตั้งแต่ระยะต้นๆ และในปัจจุบันมีผุ้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 18 ราย และมีผู้ป่วยที่อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังอยู่ในโรงพยาบาลขณะนี้ จำนวน 77 ราย จากทั้งหมด 561 ราย กลับบ้านแล้ว 484 ราย ในส่วนของโรงพยาบาลนครพิงค์มีผู้ป่วยติดเชื้ออยู่ 9 ราย นอนอยู่ที่โรงพยาบาล 6 ราย ส่วนคนไข้ที่อาการดีขึ้น ได้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลประสาทจังหวัดเชียงใหม่ 3 ราย สรุปแล้วจำนวนทั้งหมด 18 ราย ขณะนี้อยู่ที่โรงพยาบาลสันทราย 2 ราย , โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ 1 ราย , โรงพยาบาลนครพิงค์ 6 ราย และโรงพยาบาลประสาท 9 ราย สำหรับการสอบสวนโรคใน 4 รายที่ติดเชื้อล่าสุดในช่วง 24 ชม. ที่ผ่านมา พบว่า 3 ราย นั้นต่อเนื่องมาจากการสัมผัสผู้ป่วยรายที่ 495 ซึ่งเป็นดีเจเอ็มซี ที่ทำงานที่ร้านซาวอัพ และที่ร้านเดอะบิววี ในอำเภอเมืองเชียงใหม่ ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ และมีผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดอีก 8 ราย ทางทีมสืบสวนสอบสวนโรคได้มีการติดตามและมีจำนวนที่ตรวจพบแล้วคือ รายที่ 551 , 552 และ 553 ซึ่งตรวจแล้วพบผลเป็นบวก โดยในรายที่ 551 ทราบว่าทำงานที่ร้านซาวอัพผับ ในวันที่ 13,14 และ 17 มี.ค. และมีการเข้าไปในร้านโซนกาดสวนแก้ว วันที่ 13 มี.ค.และวันที่ 14 มี.ค.ยังไปทำงานที่ร้านเดอะบิววีผับ และ 18 มี.ค.ไปบ้านเพื่อน โดยในวันดังกล่าวมีผู้สัมผัสอยู่ 2 ราย และวันที่ 20 มี.ค.ไปร้านหม่าล่าแถวพายัพกับเพื่อน 1 คน และไปร้านมีนาในวันที่ 21 มี.ค.กับเพื่อนคนเดิม ดังนั้นสรุปว่าผู้ติดเชื้อรายนี้มีผู้สัมผัสสูง อยู่จำนวน 5 ราย ขณะเดียวกันมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในส่วนของร้านที่กาดสวนแก้วนั้นประมาณ 10-20 ราย ในส่วนของรายที่ 552 ก็เป็นโซนเดียวกันคืออยู่ในส่วนของร้านซาวอัพผับ โดยทำงานในร้านวันที่ 14-17 มี.ค. 2563 และไปเที่ยวที่ร้านเดอะบิววีผับกับผู้ป่วยราย 495 และมีผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูงมากอยู่ 7 ราย เป็นเพื่อนที่ร่วมสังสรรด้วยกัน 6 ราย และเพื่อนร่วมห้องหรืออยู่บ้านเดียวกัน 1 ราย และในส่วนของรายที่ 553 ก้เป็นคนทำงานอยู่ที่ร้านซาวอัพผับ และได้ไปเที่ยวกับผู้ป่วยราย 495 มีผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูง อยู่ 6 ราย โดยกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเพื่อนที่ไปพริตตี้คลับ 5 ราย และเพื่อนร่วมห้องหรืออยู่บ้านเดียวกัน 1 ราย ซึ่งทั้ง 3 รายมีความสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่ยืนยันแล้วในรายที่ 495 และในส่วนของผู้ป่วยรายที่ 4 ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ เป็นผู้ป่วยที่กลับจากประเทศอังกฤษ ในวันที่ 11 มี.ค.ด้วยไฟล์บิน TG911 ลงที่สุวรรณภูมิ และต่อเครื่องตรงไปที่เชียงรายและกักตัวอยุ่บ้าน จากนั้น 17 มี.ค.เริ่มมีไข้ แต่ไม่ได้ไปตรวจที่ไหน อยู่บ้านกินยาลดไข้เอง และ 25 มี.ค. 2563 ขับรถจากเชียงรายมาที่โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ โดยรายนี้กำลังรอผลการสอบสวนเพิ่มเติม แต่ในเครื่องบินไฟล์บิน TG911 ที่ผู้ป่วยนั่งมานั้นไม่พบผู้สัมผัสเสี่ยง เนื่องจากผู้ป่วยเริ่มมีอาการวันที่ 17 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมา รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับคำถามเกี่ยวกับกรณีที่ว่ามีผู้ป่วยจากสำนักงานประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่นั้น ในส่วนนี้ยังไม่สามารถเรียกเป็นผู้ป่วยได้ เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีอาการอะไร ซึ่งรายนี้เป็นคนสนิทของผู้ป่วยติดเชื้อในรายที่ 551 ซึ่งได้มีการนำตัวไปที่โรงพยาบาลประสาทและได้ทำการส่งตรวจซึ่งยังไม่พบอาการและยังให้เป็นกรณีการกักตัวอยุ่ที่บ้านเพื่อรอผลตรวจโดยคาดว่าในช่วงค่ำวันนี้ผลตรวจก็น่าจะออกมาแล้ว และอีกประเด็นคำถามคือกรณีของผู้ที่ไปในพื้นที่เสี่ยงที่มีการแจ้งให้กักตัว 14 วัน ต้องนับจากวันที่เข้าไปสัมผัส เช่น เข้าไปในผับที่มีอินเด็กเคส ต้องนับต่อไปอีก 14 วัน ขณะที่ทางด้าน นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในส่วนของขณะนี้ได้มีมาตรการในการตรวจค้นคัดกรองพี่น้องประชาชนที่มาจากต่างจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงติดโรค โดยขณะนี้ก็ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้มีการตรวจสอบพื้นที่เดินทางเข้ามาทั้งสถานีรถไฟ สถานีขนส่ง และสนามบิน เพื่อดำเนินการตรวจสอบคัดกรอง และจดชื่อผู้เดินทางเข้ามาเพื่อที่จะเป็นข้อมูลในการสอบสวนโรค โดยจากการดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลต่อความไม่สะดวกของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในจังหวัดและที่เดินทางเข้ามา อย่างไรก็ตามในขณะนี้รายชื่อทั้งหมดที่ได้มาจาก 3 เส้นทาง ได้มีการนำส่งไปยังอำเภอท้องที่ที่ผู้เดินทางเข้ามามีภูมิลำเนาอยู่และฝากให้ทางชุดปฏิบัติการอำเภอได้ดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวัง เพื่อให้มีการดำเนินการกักตัวอยู่ในที่พัก รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,199 ราย ร่วมแสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็น