“เจ้าดารารัศมี” ผู้วางระบบการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมของเมืองเชียงใหม่

หากจะกล่าวถึงเรื่องราวของเจ้านายในอดีตที่พยายามฟื้นฟูวิถีประเพณีล้านนาอันทรงคุณค่าให้ดำรงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และกลายเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นหลังได้ร่วมรำลึกนึกถึง คงหนีไม่พ้นภารกิจที่พระราชชายาเจ้าดารารัศมีได้ทรงกระทำไว้เมื่อราวร้อยปีก่อน ทั้งทรงทำนุบำรุงด้านพระศาสนา, ส่งเสริมด้านการศึกษาในเชียงใหม่, ทรงฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมล้านนา ฯลฯ จนกระทั่งสิ่งที่พระราชชายาเจ้าดารารัศมีได้อนุรักษ์ฟื้นฟูดังกล่าว กลายมาเป็นแบบแผนวิถีชีวิตของคนเชียงใหม่ในปัจจุบัน
ถ้าหากย้อนถึงอดีตของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี พระองค์ทรงเป็นพระธิดาองค์ที่ 11 ของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 7 กับแม่เจ้าทิพเกษร ทรงประสูติเมื่อวันอังคาร เดือน 10 (เหนือ) ขึ้น 4 ค่ำปีระกา ในเวลา 03.00 น. ตรงกับวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2416 ที่คุ้มหลวงเมืองเชียงใหม่ ปัจจุบัน เป็นที่ตั้งของศาลากลางหลังเก่าและหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ เมื่อทรงพระเยาว์ได้ศึกษาอักษรไทยเหนือและไทยกลาง ทรงมีความสนใจและเข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณีของล้านนาเป็นอย่างดี

ปี พ.ศ. 2429 ได้เสด็จตามพระบิดาลงไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรุงเทพ แล้วอยู่รับราชการฉลองพระเดชพระคุณฝ่ายในเป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อทรงประสูติพระราชธิดาแล้วทรงโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนฐานะศักดิ์เป็นพระสนมเอก กระทั่งปลายปี พ.ศ. 2451 หลังจากที่เสด็จกลับมาเยี่ยมนครเชียงใหม่เป็นครั้งแรก ด้วยเรือหางแมงป่อง ประทับอยู่ไม่นานจึงเสด็จกลับกรุงเทพฯ จากนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็นพระราชชายา

 

ในระหว่างที่ทรงรับราชการในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งรวมเป็นระยะเวลานานถึง 28 ปีนั้น พระราชชายาเจ้าดารารัศมีได้ทรงดำรงพระองค์อย่างเหมาะสม พระองค์ทรงยึดมั่นในการรักษาวัฒนธรรมประเพณีของล้านนาเอาไว้ โดยโปรดให้ข้าหลวงในวังนุ่งซิ่นไว้ผมมวย แต่งกายแบบชาวเชียงใหม่ พูดภาษาคำเมืองและกินเมี่ยง ขณะเดียวกันก็ทรงเรียนดนตรีไทยภาคกลาง จนกระทั่งพระองค์ทรงดนตรีได้หลายอย่าง

นอกจากนั้นยังทรงสนับสนุนให้พระญาติและข้าหลวงเรียนและฝึกเล่นดนตรีไทยภาคกลาง จนสามารถตั้งวงเครื่องสายได้ พระราชชายาเจ้าดารารัศมียังทรงสนพระทัยในเรื่องการถ่ายรูป ซึ่งสมัยนั้นเป็นของใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในประเทศไทย พระญาติของท่านคนหนึ่งที่อยู่ร่วมพระตำหนัก ได้ชื่อว่าเป็นช่างภาพผู้หญิงคนแรกของไทยรับงานถ่ายรูปของราชสำนัก การที่พระองค์ทรงมีพระจริยาวัตรงดงามตลอดเวลาที่ทรงประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวัง จึงทำให้ทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ พระราชทานตราปฐมจุลจอมเกล้าสำหรับฝ่ายในแก่พระราชชายาเป็นรุ่นแรก พร้อมกับพระภรรยาเจ้าและพระราชธิดา ซึ่งมีเพียง 15 พระองค์ และยังได้โปรดเกล้าฯ ให้พระราชชายาทรงออกรับแขกเมือง เมื่อครั้งเจ้าหญิงแสนหวี แห่งแคว้นแสนหวีเสด็จพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทอีกด้วย

 

หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว พระราชชายาเจ้าดารารัศมีได้เสด็จมาประทับอยู่ที่เชียงใหม่อีกเป็นครั้งที่ 2 ตราบจนพระองค์สิ้นพระชนม์ ในการเสด็จมาประทับเชียงใหม่พระองค์ได้ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจอันก่อให้เกิดคุณูปการแก่แผ่นดินในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการเกษตร การศาสนา การศึกษา และศิลปวัฒนธรรม ในด้านการเกษตรพระองค์ทรงโปรดให้เจ้าชื่น สิโรรส จากโรงเรียนฝึกหัดครูเกษตรกรรมเชียงใหม่ เป็นหัวหน้าดำเนินการทดลองปลูกพืชทางการเกษตรด้วยทรงหวังช่วยเกษตรกรรมของภาคเหนือ ทรงทดลองปลูกเมล็ดพันธุ์กระหล่ำปลีจากต่างประเทศ จนได้ผลดีแล้ว โปรดให้ขยายพันธุ์และแจกจ่ายชาวบ้านไปทดลองปลูก กระทั่งกระหล่ำปลีได้แพร่หลายในเชียงใหม่ นอกจากนั้นยังทรงนำพันธุ์ลำไย ซึ่งมีคนจีนนำมีถวาย สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงที่กรุงเทพฯ ท่านทรงเห็นว่าเชียงใหม่น่าจะปลูกได้ผลดี จึงทรงนำลำไยมาปลูกเป็นครั้งแรกในเชียงใหม่ จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ในด้านการส่งเสริมการศึกษาพระองค์ได้เป็นผู้อุปถัมภ์ โรงเรียนดาราวิทยาลัย ด้วยในฐานะที่ท่านเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนสตรีแห่งแรกของเชียงใหม่ โดยได้ประทานชื่อว่า “โรงเรียนพระราชชายา” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “โรงเรียนดาราวิทยาลัย” นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงประทานทุนการศึกษาแก่นักเรียนโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยและทรงสนับสนุนให้เจ้าราชวงศ์ยกที่ดินคุ้มหลวง ให้แก่โรงเรียนดาราวิทยาลัยและโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยต่อจากพระบิดา

 

 

พระราชชายาเจ้าดารารัศมีทรงเห็นความสำคัญของการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพระกรณียกิจที่ทรงอุปถัมภ์บำรุงต่อแวดวงการศึกษาของเชียงใหม่ จึงทรงได้รับการเทิดพระเกียรติว่า ทรงเป็นเจ้านายฝ่ายเหนือที่มีบทบาทสำคัญที่สุดพระองค์หนึ่งในการพัฒนาการศึกษาของนครเชียงใหม่
ด้านการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมล้านนา พระราชชายาทรงมีความสนพระทัย ในศิลปวัฒนธรรมทั้งของล้านนาและภาคกลาง ไม่ว่าจะในเรื่องการละคร ดนตรี งานประดิษฐ์ ศิลปะการทอผ้า การเย็บปักถักร้อย สิ่งใดของล้านนาที่ทรงเห็นว่าควรอนุรักษ์ไว้ก็โปรดให้ฟื้นฟูขึ้นใหม่เป็นศิลปที่เชิดหน้าชูตาของชาวเหนือ

 ในส่วนของการฟ้อนรำพื้นเมืองเหนือนั้น ทรงเอาพระทัยใส่เป็นอย่างมาก โปรดให้มีการฝึกซ้อม เพื่อออกแสดงในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ ฟ้อนที่ทรงโปรดให้ฝึกและฟื้นฟู ได้แก่ ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ฟ้อนม่านเม่เล้ ฟ้อนมอญ ฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตา ซึ่งได้ทรงปรับปรุงมาจากระบำในราชสำนักของพม่า

 

นอกจากนั้นยังมีพระกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติต่อเนื่องอีกมากมายหลายประการ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วถูกสืบทอดมาจากภูมิปัญญาของคนล้านนาในอดีต และด้วยเห็นความสำคัญของภูมิปัญญาและยังเป็นการอนุรักษ์รักษาไว้ซึ่งประเพณีวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษได้ถ่ายทอดมาไม่หายสูญหาย
ด้วยพระกรุณาธิคุณของพระราชชายาเจ้าดารารัศมีที่มีต่อวงการศึกษา ศาสนาและศิลปวัฒนธรรมของเมืองเชียงใหม่ จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพระองค์ ได้ปูพื้นฐานแห่งวิถีวัฒนธรรมของเมืองเชียงใหม่ไว้อย่างคณานับ
บทความโดย
จักรพงษ์  คำบุญเรือง

ร่วมแสดงความคิดเห็น