รมว.ทส. ประชุมด่วนแก้ปัญหาไฟป่าเชียงใหม่ ดีใจดับไฟป่าดอยสุเทพได้ทั้งหมดแล้ว

รมว.ทส. ประชุมด่วนแก้ปัญหาไฟป่าเชียงใหม่ ดีใจดับไฟป่าดอยสุเทพได้ทั้งหมดแล้ว เตรียมระดม จนท.ดับไฟป่าจากภาคกลาง-อีสาน ช่วยดับไฟป่าในเชียงใหม่และภาคเหนือ ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญแก้ไฟป่าภาคเหนือไม่แพ้โควิด-19

วันที่ 8 เมษายน 2563 เวลา 18.00 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และคณะ เดินทางมายังศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ตามคำสั่งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่สั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันในพื้นที่ภาคเหนือให้คลี่คลายโดยเร็ว

จากนั้น ได้มอบอุปกรณ์ดับไฟป่าให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลช้างเผือก และอำเภอแม่แจ่ม เพื่อนำไปใช้ดับไฟป่า พร้อมกันนี้ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวของนายสิงห์ทน นวลักษณะกุล เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าสถานีควบคุมไฟป่าภูพิงค์ ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอ เป็นเงิน 30,000 บาท และครอบครัวของนายไพโรจน์ ปัทมาถาวร เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าที่ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นเงิน 10,000 บาท

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัจจุบันทางจังหวัดเชียงใหม่ สามารถควบคุมไม่ให้เกิดการเผาในเขตพื้นที่อุทยานดอยสุเทพ-ปุย ได้ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี และตั้งแต่ที่ตนได้เดินทางมาตรวจติดตามเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ก็มีการนำกำลังเข้าไปตรวจสอบและให้เจ้าหน้าที่เข้าไปลาดตระเวนตามหมู่บ้านที่เป็นจุดเสี่ยง โดยมีทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงทรัพย์ฯ ไปสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนฯ ก็ทำให้จุดความร้อนลดลงไปพอสมควร นอกจากนี้ ยังได้โยกย้ายกำลังจากภาคใต้ 3,000 นาย มาช่วยดับไฟในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ แต่จนถึงวันนี้เจ้าหน้าที่ทำงานมากว่า 1 เดือนจนเริ่มอ่อนล้า ทำให้ประสิทธิภาพในการถอยลงไป ซึ่งก็มีการพูดคุยกันว่าจะให้เจ้าหน้าที่ในส่วนของกลางกลาง และภาคตะวันตก เข้ามาสับเปลี่ยน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชุดปัจจุบันได้มีการพัก จึงได้หารือกันว่าจะโยกย้ายกำลังพลจากภาคกลาง และภาคตะวันตกขึ้นมาสับเปลี่ยน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชุดปัจจุบันได้พักผ่อน ซึ่งการนำคนออกจากพื้นที่อื่นเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อมาเสริมกำลังจะทำได้อย่างรวดเร็วมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้การดับไฟป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีตัวอย่างเช่นที่ จังหวัดนครสวรรค์ ได้ใช้เวลา 48 – 72 ชั่วโมงในการดับไฟจนแล้วเสร็จ แต่ไฟป่าที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ แม้ดับแล้วแต่ยังมีการเผา หรือปะทุซ้ำอีก จึงเป็นที่มาที่ต้องเน้นลาดตระเวนและทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่ในเขตป่าสงวนและเขตป่าอนุรักษ์

อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณชาวเชียงใหม่ ที่มีจิตศัทธามอบสิ่งของให้เจ้าหน้าที่ ถือเป็นกำลังใจอย่างดี หากเป็นสถานการณ์ไฟป่าปกติ กระทรวงฯ มีความพร้อมเรื่องอุปกรณ์ แต่ปีนี้หลังไม่มีไฟป่าเกิดขึ้นรุนแรงและหนักหนากว่าทุกปี ทำให้กำลังพลที่ระดมเข้ามาช่วยดับไฟป่า อาจทำให้อุปกรณ์ไม่เพียงพอ จึงได้จัดเร่งจัดซื้อเพิ่มเติมแล้ว ขณะเดียวกันขอยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ พอๆกับเรื่องการแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.63) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ และจะหาแนวทางในการสนธิกำลัง และการดึงเอาหน่วยงานใดมาทดแทนได้มากขึ้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น