“อิงเง เซอร์เจน” มหาเทวีชาวยุโรป แห่งราชสำนักสีป่อ

เรื่องราวความรักของเจ้าจ่าแสง เจ้าชายแห่งเมืองสีป่อ และอิงเง เซอร์เจน ซึ่งเป็นเรื่องราวความรักของเจ้าฟ้ากับหญิงสามัญชน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ในสมัยนั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก แต่มหาเทวีซึ่งเป็นชาวต่างชาติผู้นี้กลับได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวเมืองสีป่อ ระหว่างปี ค.ศ.1949 -1953 (พ.ศ.2492 – 2496) เจ้าจ่าแสงได้ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยด้านเหมืองแร่โคโลราโด (The Colorado School of Mines) และเรียนจบด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ โดยระหว่างที่เรียนอยู่ที่สถาบันแห่งนี้ได้พบรักกับ อิงเง เซอร์เจน นักเรียนทุนจากประเทศออสเตรีย และทั้งสองได้แต่งงานกันในปี ค.ศ.1953 (พ.ศ.2496) จากนั้นจึงเดินทางกลับมายังรัฐฉาน โดยได้มีการสถาปนา อิงเง เซอร์เจน ขึ้นเป็นมหาเทวี หรือ เจ้าสุจันทรี มหาเทวี แต่ชาวเมืองสีป่อมักเรียกเธอว่า “เจ้าแม่”

ทั้งสองพระองค์ถือเป็นเจ้าฟ้านักพัฒนารุ่นใหม่หัวก้าวหน้า หลังย้ายมาอยู่รัฐฉาน อิงเง เซอร์เจน ได้เรียนภาษาไทใหญ่และมุ่งเน้นทำงานพัฒนาด้านการศึกษาและสาธารณสุขของคนเมืองสีป่อในปี ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) นายพลเนวิน ได้ทำการยึดอำนาจ และจับกุมคุมขังเจ้าฟ้าจากหัวเมืองต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการริดรอนอำนาจและล้มล้างการปกครองระบอบเจ้าฟ้าให้หมดสิ้นไป เวลานั้น เจ้าจ่าแสง จึงได้ตัดสินใจเดินทางไปยังสนามบินแฮโฮ (ตองจี) แต่ระหว่างทางท่านถูกจับและถูกนำตัวไปยังฐานบัญชาการทางตะวันออก

ขณะที่ อิงเง เซอร์เจน นั้นถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านพัก หลังถูกจับตัวไปไม่นาน เธอได้รับจดหมายข้อความสั้น ๆ จากเจ้าจ่าแสงที่ระบุว่า ถูกจับตัวไว้ที่กระท่อมแห่งหนึ่ง แต่เมื่อหลายปีผ่านไป ไม่ได้รับข่าวของเจ้าจ่าแสงอีกเลย
จนกระทั่งปี ค.ศ.1964 (พ.ศ.2507) อิงเง เซอร์เจน จึงตัดสินใจพาลูกทั้งสอง คือ ‘เจ้าเกนรี’ และ ‘เจ้ามายารี เดินทางออกจากเมียนม่ากลับไปรัฐโคโลราโดและแต่งงานใหม่อีกครั้ง

อิงเง เซอร์เจน ได้ทำงานอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลายจนกระทั่งเกษียน เธอและสามี นายโฮวาร์ด เซอร์เจน ได้ก่อตั้งองค์กร Burma Lifeline เพื่อทำงานการกุศลช่วยเหลือประชาชนจากเมียนมา โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ตามเขตชายแดนปัจจุบันแม้จะล่วงเลยมาเป็นเวลาเกือบ 60 กว่าปี นับตั้งแต่นายพลเนวินยึดอำนาจและเจ้าจ่าแสงถูกจับตัวไป แต่ในทุก ๆ ปี อดีตมหาเทวีแห่งสีป่อและธิดาทั้งสองยังคงเขียนจดหมายถึงรัฐบาลเมียนม่า รวมถึงรัฐบาลเต็งเส่ง เพื่อทวงถามชะตากรรมของเจ้าจ่าแสง แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ

ข้อมูล : Sai Awn Murng/SHAN
แปลและเรียบเรียงโดย Transborder News

ร่วมแสดงความคิดเห็น