พลังโซเชียล ! แห่ขอความเป็นธรรมให้ “พี่เตี้ย มช.” หลัง ผกก.ตชด.33 ออกปกป้องผู้ต้องสงสัย ยันเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่มีเจตนาฆ่า

วันที่ 20 พ.ค. 63 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีการตายของ “พี่เตี้ย” สุนัขขวัญใจชาว มช. ที่ล่าสุดมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ซึ่งเข้าร่วมเป็นผู้เสียหาย และส่งเจ้าหน้าที่ติดตามคดีนี้ร่วมกับตำรวจ สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ มั่นใจว่าพี่เตี้ย จะถูกล่อลวงออกไปฆ่าทิ้ง โดยมีการทำกันเป็นขบวนการ และขณะที่ต่อมา ทาง พนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก ได้ทำการเชิญตัวตำรวจตระเวนชายแดน ชายที่เป็นผู้ขี่รถจักรยานยนต์มารับพี่เตี้ยออกไปจาก มช. ในคืนวันที่ 3 พ.ค. ตามภาพในคลิปมาสอบสวนปากคำ แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาได้ และยังคงอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่าง ๆ และถึงแม้ว่า ประเด็นข้อสงสัยเรื่องแผลที่พบร่างของพี่เตี้ย โดยเฉพาะที่สัตวแพทย์ระบุแผลลักษณะเป็นหลุม 4 หลุม ลึกประมาณ 0.5 ซม. ที่ทำให้ชาวเนตฟันธงว่าพี่เตี้ยถูกลวงไปยิงทิ้ง ข้อมูลผลการผ่าพิสูจน์ซากเป็นรายงานที่ส่งมาให้พนักงานสอบสวน ซึ่งข้อสงสัยถูกยิงก็อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าหากหลังจากนี้มีพยานหลักฐานอะไรที่บ่งชี้ พนักงานสอบสวนอาจสอบสัตวแพทย์เพิ่มเติมถึงความเป็นไปได้ว่า ร่องรอยจากอาวุธปืนหรือไม่ หรือ เป็นเพียงแค่รอยกัดของสัตว์ด้วยกัน

ขณะที่เย็นวานนี้ ทางด้านเพจเฟซบุ๊ก “มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand (WDT)⁣⁣⁣” ก็ได้มีการออกมาโพสต์ข้อความในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับการตายของ “พี่เตี้ย มช.” อีกครั้ง ที่ระบุว่า

#เมื่อผู้ต้องหายืนกรานปฏิเสธและปิดปากสนิท #WDTและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านก็ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นอีกเป็น 10 เท่า เป็นหน้าที่ของผู้กล่าวหาที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ให้หนักแน่นชัดเจนและรัดกุมที่สุด เพื่อพิสูจน์ให้ศาลเชื่อว่ามีการกระทำอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตจริง ต่อสัตว์ที่มีชีวิตจิตใจ ช่วยตัวเองไม่ได้ และมีกฎหมายคุ้มครอง ! และเราทุกคนจะทำหน้าที่นี้…เพื่อพี่เตี้ย มช. อย่างมั่นคงเข้มแข็งและไม่มีวันย่อท้อ และเคียงข้างสู้ไปด้วยกันจากประชาชนคนรักสัตว์คนรักเตี้ย และรักความยุติธรรม WDT เปิดความยากของงานสืบสวนสอบสวน 6 ข้อ

  1. อยู่ระหว่างการสอบสวนพยานบุคคลอีกหลายคนที่เป็นผู้พบเห็น ได้ยินเสียง ประกอบหลักฐานกล้องวงจรปิด
  2. อยู่ระหว่างการนัดหมายสอบสวนทีมสัตวแพทย์ผู้ชันสูตร ประกอบผลชันสูตรและงานสืบสวนที่รวบรวมได้
  3. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เชียงใหม่ ตรวจสอบหลักฐานคราบเลือดที่คาดว่าใช้รถมอเตอร์ไซด์พุ่งเข้าชนอย่างแรงไว้เรียบร้อยแล้ว และเตรียมตรวจคราบเลือดในบริเวณที่ผู้ต้องหาใช้เป็นจุดก่อเหตุ
  4. อยู่ระหว่างการประสาน ปอท.ตรวจสอบและดึงข้อมูลจากเฟซบุ๊คของผู้ต้องหาที่ปิดไปแล้ว
  5. #WDTร้องขอให้ประชาชนทั่วไป นักศึกษา มช. คนรักเตี้ย หรือผู้ที่สนิทสนมกับเตี้ย #ติดต่อเข้ามาในอินบอกซ์ WDT ยืนยันความประสงค์และสมัครใจเข้าร่วมให้ปากคำเป็นพยานแวดล้อม กับWDT และพนักงานสอบสวน ในฐานะ “#ความคิดเห็นและตรรกะของวิญญูชน” เกี่ยวกับ
    1. ท่านั่งรถของเตี้ย ไม่ว่าจะเป็นท่าไหน นอนหรือยืน เตี้ยก็จะรอให้รถหยุดสนิทก่อนจึงจะลง
      หรือต่อให้พี่เตี้ยจะกระโดดลง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะม้วนตัวเป็นก้อนกลมกลิ้งกลับเข้าไปให้ถูกล้อหลังทับหัว และท้ายร่างสองจุดในล้อเดียว ! เพราะผลชันสูตรของเตี้ยมีทั้งกระโหลกแตกและช่วงล่างแตก กระเพาะปัสสาวะและม้าม เตี้ยเป็นหมาตัวยาว อ้วนและขาสั้น คำให้การอันไร้ตรรกะของผู้ต้องหา หมายความว่า ถ้าเตี้ยกระโดดลงขณะรถกำลังขับขี่ดวยการใช้ความเร็ว ล้อหลังของรถคงจะเป็นรถวิเศษที่สามารถกางแยกอออกลายเป็นสองล้อได้ คือล้อหนึ่งทับด้านหัว อีกล้อหนึ่งทับช่วงล่างในคราวเดียวกัน !
    2. จำลองเหตุการณ์ ลักษณะของรถ ของผู้ก่อเหตุเป็นข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตใต้ท้องรถสูงเพียง 132 มม.หรือ 13.2 ซม. เมื่อเทียบกับขนาดร่างกายของพี่เตี้ยแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะเข้าไปใต้ท้องรถ และทิศทางการกระดอน ย้อนแย้งกับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์แบบ 360 องศา

ขณะเดียวกันจากประเด็นการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.อภิชาติ รักพงษ์ ผู้กำกับการ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ซึ่งระบุว่า ส.ต.ท.ปริญญา เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาออกมารับสารภาพ ว่าได้พาพี่เตี้ยออกจากมหาวิทยาลัยจริงและประสบอุบัติเหตุ ซึ่งทราบว่าเจ้าตัวเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมีความผูกพันกับเตี้ย จึงตั้งใจพาไปเที่ยว แต่เมื่อถึงจุดที่ใกล้กับจุดที่พบซาก เตี้ยกระโดดลงจากจักรยานยนต์แต่ไม่พ้น ทำให้ล้อหลังของรถทับเตี้ยตาย และเจ้าตัวกลัวความผิดจึงนำเตี้ยไปทิ้งเอาไว้ข้างทาง ซึ่งยืนยันว่า เจ้าตัวเสียใจกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ส่วนต้นสังกัดจะต้องรอผลจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ส.ต.ท.ปริญญาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา นิสัยใจคอตัวจริงเป็นคนรักสัตว์ และปฏิบัติงานดี เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องสุดวิสัย

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลเหตุการณ์ที่ปรากฎออกไปนั้น ในขณะนี้ทำให้ประชาชนและผู้ที่ติดตามข่าวหลายคนได้เข้าไปเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพี่เตี้ย ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ค่ายสมเด็จพระบรมราชชนนี” กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของ ส.ต.ท.ปริญญา และมีการเรียกร้องให้ทางผู้บังคับบัญชา มีการสอบวินัยพิจารณาลงโทษกับ ส.ต.ท.ปริญญา และมีหลาย ๆ คนที่แสดงความคิดเห็นไม่เชื่อในคำให้การของทาง ส.ต.ท.ปริญญา ที่มันมีความขัดแย้งต่อผลชันสูตรที่ออกมา และนอกจากนี้ยังมีเฟซบุ๊กหลาย ๆ เพจ และชาวโซเชียลหลายคนที่โพสต์ถึงสาเหตุการตายของพี่เตี้ย พร้อมทั้งเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสุนัขตัวนี้อย่างถึงที่สุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น