ศบค. เปิดตัว แอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ” จากแพลตฟอร์มสู่แอปฯ เช็คอิน-เช็คเอาต์ ง่ายขึ้น

จากที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้แถลง เมื่อวานนี้ 27 พ.ค. ว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้สรุปการใช้งานแพลตฟอร์ม www.ไทยชนะ.com ข้อมูลเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2563 เวลา 21.00 น. พบว่า ภาพรวมการใช้งานยอดสะสมตั้งแต่เริ่มโครงการนั้น มีร้านค้าที่ลงทะเบียน จำนวน 116,175 ร้าน มีผู้ใช้งาน 13,769,194 คน จำนวนการเข้าใช้งาน การเช็กอิน 34,827,852 ครั้ง เช็กเอาต์ 23,563,704 ครั้ง ประเมินร้าน 13,567,825 ครั้ง อย่างไรก็ตาม จากการพบปัญหาการใช้งานแพลตฟอร์มนี้ คือมีหลายคนที่เช็กอิน แต่ลืมเช็กเอาต์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (เอ็มดีอีเอส) จึงแก้ไขปัญหาด้วยการจัดทำเป็นแอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ”

ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2563 นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และสื่อสังคมออนไลน์ ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า จากกรณีแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ล่าสุด ได้มีการทำแอปพลิเคชั่น ชื่อ”ไทยชนะ”แล้ว

โดยข้อดีดังนี้

1. เช็กเอาต์หลังใช้บริการเมื่อไรก็ได้ แต่ต้องพยายามทำให้เร็วที่สุด
2. ป้องกัน QR Code ปลอม
3. ป้องกันการกรอกเบอร์โทรศัพท์ผิด
4. ความเร็วในการดำเนินการ

นอกจากนี้ ในส่วนของระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ ต้องเป็นเวอร์ชั่น 5.0 ขึ้นไป คาดว่าจะเริ่มดาวน์โหลดได้ในช่วงบ่ายวันนี้ ส่วนระบบปฏิบัติการ iOS ก็ต้องเป็นเวอร์ชั่น 9 ขึ้นไป โดยจะดาวน์โหลดได้ช้ากว่า ประมาณวันที่ 31 พ.ค. นี้

ส่วนขั้นตอนการใช้งานหลังติดตั้งแอพพลิเคชั่น ไทยชนะ ก็ใช้ง่าย สะดวก และปลอดภัย คือ

1. เปิดแอปพลิเคชั่น ไทยชนะ ทำการลงทะเบียน ใส่เบอร์โทรศัพท์ กรอกรหัส OTP 6 หลัก ก็ลงทะเบียนสำเร็จ
2. เข้าแอปพลิเคชั่น ไทยชนะ เมื่อกดปุ่มสแกนก็จะขึ้นเช็กอินอัตโนมัติ
3. เมื่อออกจากร้านก็เปิดแอปพลิเคชั่นมาสแกนเหมือน ระบบจะขึ้นเช็กเอาต์อัตโนมัติ
4. ในแอปพลิเคชั่น จะมีลิสต์ขึ้นว่าใช้บริการร้านใดบ้าง และมีร้านใดไม่ได้เช็กเอาต์ ก็สามารถกดในภายหลังได้
5. ขอความร่วมมือประชาชนประเมินผลกิจการและกิจกรรมที่ไปใช้บริการ

และขณะนี้สามารถรองรับภาษาอังกฤษได้แล้วและกำลังพัฒนาเพื่อให้รองรับภาษาเมียนมาร์ มาเลเซีย เกาหลีจีน ญี่ปุ่นและภาษาลาว และยืนยันว่า ไม่มีการส่ง SMS ให้ดาวน์โหลด แต่การดาวน์โหลดสามารถ เข้าไปใน App Store และ Play Store เท่านั้น ซึ่งประชาชนจะได้รับความสะดวกสามารถเช็กเอ้าต์เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ขอให้พยายามเช็กเอ้าต์ให้เร็วที่สุด นพ.พลวรรธน์ กล่าว