ป.ป.ส. บูรณาการหน่วยงานภาคี ติดตาม ช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัด หวังลดผลกระทบผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต ดึงครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส) เปิดเผยว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2563 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข จัดการประชุมคณะอนุกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ครั้งที่ 2/2563 โดยมี นายแพทย์พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน และผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย กรมคุมประพฤติ กรมการแพทย์ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสุขภาพจิต กรมควบคุมโรค กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานปลัดกรุงเทพมหานคร กรมกำลังพลทหารบก หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน และสำนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งได้มอบหมายให้ นายวีรวัฒน์ เต็งอำนวย รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นผู้เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข

นายนิยม เติมศรีสุข กล่าวว่า “คณะอนุกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนมาตรการและแนวทางการบำบัดรักษายาเสพติด ซึ่งในปี 2563 การดำเนินงานบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดมีการปรับมาตรฐานและแนวทางในหลายส่วน เพื่อเป็นการป้องกัน เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) โดยสาระสำคัญของการประชุม ประกอบด้วย การบูรณาการการบำบัดรักษาใน 3 ระบบ ภายใต้มาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด การขับเคลื่อนการลดผลกระทบของผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต ซึ่งขณะนี้ ได้มีการส่งแนวทางการป้องกัน เฝ้าระวัง การบำบัดฟื้นฟู และการดูแลช่วยเหลือให้กับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่รับทราบ และดำเนินการส่งเสริมให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติด นอกจากนี้ ในปี 2563 กระทรวงสาธารณสุขจะผลักดันการให้บริการลดอันตรายจากยาเสพติดให้เป็นส่วนหนึ่งของการบำบัด พร้อมขยายการดำเนินงานออกไปทั่วประเทศ และในปี 2564 จะมีการใช้ยาบูพรีนอร์ฟีน/ซูบอกโซน ในการบำบัดผู้ป่วยกลุ่มเสพติดสารประเภทโอปิออยด์

ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการผลักดันการนำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติดได้อย่างยั่งยืน โดยในปี 2563 มีเป้าหมายการดำเนินงานในพื้นที่หมู่บ้านที่มีการแพร่ระบาดจำนวน 928 หมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศ รวมถึงได้มีการหารือกลไกการติดตามดูแลช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดในปี 2564 ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการใช้กลไก อสม. ในการดำเนินการ

เลขาธิการ ป.ป.ส กล่าวตอนท้ายว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ให้ความสำคัญกับการลดความต้องการยาเสพติด การนำครอบครัวและชุมชนซึ่งเป็นส่วนที่ใกล้ชิดที่สุดและเป็นส่วนสำคัญเข้ามาช่วยในการดูแลผู้ใช้ยาเสพติด ให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติของชีวิต และไม่กลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำ เพื่อทำให้พวกเขากลับเข้ามาเป็นพลังบวกในสังคมได้ รวมทั้งการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในหมู่บ้าน/ชุมชน ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนทุกคนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันสร้างพื้นที่ปลอดภัยได้ โดยเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้และเข้าใจ ผู้เสพ/ผู้ติด ชักชวนเข้ารับการบำบัดรักษา รวมทั้งช่วยกันสอดส่องดูแล และเฝ้าระวังบุตรหลาน คนในครอบครัว ชุมชน สังคม ของตนเอง ให้ห่างไกลจากยาเสพติด เพื่อไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่ (No new face) และให้หมู่บ้าน/ชุมชนปลอดภัยจากยาเสพติด (Save zone) ด้วยการช่วยแจ้งเบาะแสยาเสพติด หากพบเห็นผู้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แจ้งเบาะแสยาเสพติดได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชม.

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น