แจ้งแนวทาง เปิด-ปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2563

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรัฐพล นราดิศร รอง ผวจ.เชียงใหม่ ปฏิบัติราชการแทน ผวจ.เชียงใหม่ ได้ลงนามในเอกสารด่วนที่สุด แจ้งหัวหน้าส่วนราชการ, นายอำเภอ และผู้บริหารท้องถิ่นรับทราบ เรื่องแนวทางการเปิด-ปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2563 ของกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้ ภาคเรียนที่ 1 วันเปิดภาคเรียน วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 วันปิดภาคเรียนวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563  ภาคเรียนที่ 2 วันเปิดภาคเรียน วันที่ 1 ธันวาคม 2563 วันปิดภาคเรียน วันที่ 10 เมษายน 2564

ทั้งนี้มีผู้ปกครองและผู้บริหารสถานศึกษาจำนวนมาก เสนอแนะว่า จริง ๆ ประเทศไทยน่าจะเปลี่ยนช่วงปิดเทอมจากเมษายน มาเป็นมิถุนายน-กรกฎาคม เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพภูมิสังคม เนื่องจากเด็ก ๆ ในหลายพื้นที่ อาจมีความจำเป็นต้องช่วยพ่อแม่ทำนา ปลูกข้าว อีกทั้งในช่วงฤดูฝนการเดินทางสัญจรไปโรงเรียนลำบาก บางพื้นที่ เช่น พื้นที่สูง ถนน เส้นทางไม่ดี น้ำท่วมขัง เสี่ยงดินถล่ม ไม่มีลาดยาง ถนนคอนกรีต เป็นอุปสรรคยากลำบากในการเดินทาง จะได้ลดปัญหาและอุบัติเหตุด้วย

 

ด้านนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ได้รายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบการเตรียมความพร้อมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน หากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 พ้นวิกฤต และแนวทางเปิดเรียน 1 กรกฎาคมนี้ ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดด้วย “การจัดการเรียนการสอนตามปกติที่โรงเรียน ต้องอยู่ภายใต้มาตรการทางด้านสาธารณสุข เช่น จัดห้องเรียนเว้นระยะห่างทางสังคม 20 คนต่อห้อง รวมถึงมีแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ หากสถานการณ์ของโรคยังไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้ที่โรงเรียน จำเป็นต้องจัดการเรียนการสอนผ่านระบบทีวีและออนไลน์  ก็มีการเตรียมความพร้อมของระบบไว้หมดแล้ว”

สำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของครูผู้สอนในช่วงวิกฤตนี้ ไม่ต้องกังวล เพราะได้จัดสรรงบประมาณดูแลไว้ครบ ไม่ว่าจะเป็นค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้เพิ่มเติม งบกว่า 500 ล้านบาท เพื่อจัดหาผู้ช่วยครู โดยอาจคัดเลือกจากครูระดับปฐมวัยที่สอบบรรจุในตำแหน่งครูผู้ช่วย และได้ขึ้นบัญชีไว้ อาจจ้างอัตราเงินเดือน เดือนละ 9,000 บาท จ้างได้ประมาณ 10,000 คน ไม่นับรวมเรียกบรรจุครูหลายหมื่นอัตรา

 

และโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน  กรณีภาคเรียนที่ 1/2563 เปิดวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ให้นักเรียนบริโภคนมชนิด ยู เอช ที ตามโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ตั้งแต่ 18 พฤษภาคม  ถึง 30 มิถุนายน 2563กรณีภาคเรียนที่ 1/2563 เปิดภาคเรียนหลัง 1 กรกฎาคม 2563 หรือกรณีการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ หรือกรณีการสลับวันมาเรียน ให้บริโภคนมชนิด ยู เอช ทีจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ เป็นต้น

 

โครงการอาหารกลางวันในโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้รับประทานอาหารกลางวัน จำนวน 200 วันต่อปีการศึกษา กรณีการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ หรือกรณีสลับวันมาเรียน ทำให้ไม่สามารถจัดอาหารกลางวันให้นักเรียนที่โรงเรียนได้ ต้องจ่ายงบประมาณค่าอาหารกลางวันนักเรียนให้ผู้ปกครองตั้งแต่วันเปิดภาคเรียนวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

 

ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.)กล่าวเพิ่มเติมว่าแนวทางการจัดสอบนักเรียนในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 กรณีโรงเรียนจัดสอบคัดเลือก ให้ปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดอย่างคร่งครัด เช่น ผู้เข้าสอบ ผู้คุมสอบ และผู้เข้ามาในบริเวณสนามสอบทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ในวันสอบ กรณีใช้ห้องเรียนปกติ (ขนาด 8 x 8 เมตร) ให้จัดไม่เกินห้องละ 20 คน เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1.5 เมตร เป็นต้น
“ส่วนประเด็นหน้ากากอนามัยนั้น ทุกชั้นเรียน เด็กๆนักเรียนทุกคน สวมใส่ได้ตามความชอบจะเป็นสีพื้นๆหรือมีลวดลายได้ แต่ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานทั่ว ๆ ไป ห้ามสถานศึกษาบังคับ ให้ซื้อสวมใส่ เพราะจะเป็นการเพิ่มภาระผู้ปกครอง”

ร่วมแสดงความคิดเห็น