จากมูลนิธิอนุรักษ์ช้างไทยและสิ่งแวดล้อม เผยสุดดีใจที่มีผู้เล็งเห็นความสำคัญหลังพลาดโอกาส อดได้รับเงินเยียวยาจากโครงการเราไม่ทิ้งกัน พร้อมกันนี้จะเปิดสอนควาญช้างและพนักงานปางช้างถ่ายวีดีโอ ตัดต่อ โพสต์หารายได้ทางยูทูปพร้อมสอนไลฟ์สดท่องเที่ยวเสมือนจริงหารายได้อีกทางหนึ่งด้วย
นางแสงเดือน ชัยเลิศ เจ้าของศูนย์บริบาลช้าง และประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม มอบเช็คเงินจำนวน 390,000 บาท แก่มูลนิธิอนุรักษ์ช้างไทย โดยมีนางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปางช้างแม่สา รับมอบ เพื่อสนับสนุนค่าอาหารเชือกละ 5,000 บาท แก่ช้างจำนวน 78 เชือก ของปางช้างแม่สา การมอบเงินช่วยเหลือครั้งนี้เป็นการมอบเป็นครั้งที่ 3 แล้ว
นอกจากนี้ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ยังมอบเงินช่วยเหลือควาญช้างของปางช้างแม่สา 78 คน คนละ 2,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 156,000 บาท ทั้งหมดเป็นเงินบริจาคผู้มีจิตศัทธา และประชาชนเพื่อให้ทางมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม นำไปช่วยเหลือปางช้างทั้งประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด- 19 จนต้องปิดให้บริการชั่วคราวทำให้มีรายได้เป็นศูนย์ แต่ยังต้องรับภาระดูแลช้างและควาญช้าง
นายวัน ธงขาว อายุ 82 ปี ควาญช้างของปางช้างแม่สา บอกว่า ‘รู้สึกดีใจมากที่ยังมีผู้เล็งเห็นความสำคัญความสำคัญของควาญช้าง เพราะหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 ควาญช้างยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานใด นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้รับเงินเยียวยา ขณะที่ตนเองทำงานที่ปางช้างแม่สามานานกว่า40 ปี วิกฤตครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุด’
ด้านนางแสงเดือน ชัยเลิศ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ‘เริ่มแรกมูลนิธิฯตั้งใจจะช่วยเหลือปางช้างและช้างเป็นหลัก แต่ภายหลังทราบว่าควาญช้างก็ได้รับผลกระทบ และยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใด เพราะควาญช้างส่วนใหญ่เป็นบุคคลต่างด้าว หรือชนเผ่า มูลนิธิฯมีโครงการมอบเงินเยียวยาช่วยเหลือควาญช้างอีกคนละ 2,000 บาท’
ที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้นำเงินบริจาคไปช่วยเหลือช้างทั่วประเทศมาแล้วเดือนนี้เป็นเดือนที่ 3 ช่วยเหลือช้างไปแล้ว 1,745 เชือก รวมเป็นเงินเดือนละกว่า 8,500,000 บาท ส่วนเงินช่วยเหลือควาญช้าง ล่าสุดหลังเปิดรับลงทะเบียน มีควาญช้างลงทะเบียนเข้ามาแล้วจำนวน 1,386 คน คาดว่าจะต้องใช้เงินจ่ายให้ควาญช้างเดือนละประมาณ 2,770,000 บาท
นางแสงเดือน ยืนยันว่า มูลนิธิฯตั้งใจจะช่วยเหลือปางช้าง และควาญช้าง อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เพราะวิกฤตครั้งนี้คาดว่าจะยาวนานไปจนถึงสิ้นปี นอกจากนี้มูลนิธิฯ เตรียมส่งเสริมให้ปางช้างและควาญช้างใช้โซเชียลมีเดียในการหารายได้ เช่น การจัดกิจกรรมขายแพ็กเก็จท่องเที่ยวแบบไลฟ์ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยใช้ระบบการชำระเงินผ่านเพย์พาล รวมทั้งการการฝึกสอนให้ควาญช้างถ่ายภาพและคลิปช้างแบบมืออาชีพ และนำไปอัปโหลดลงยูทูป เพื่อหารายได้จากการคลิกเข้ามาชม
นางแสงเดือน บอกว่า อยากให้ควาญช้างทุกคนอดทน และต่อสู้ร่วมกับเจ้าของปาง เพราะขณะนี้หลังตนเองตระเวนเดินทางไปช่วยปางช้างหลายแห่งทั่วประเทศ พบว่า หลายแห่งเริ่มแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหวจนต้องประกาศขายกิจการให้กับกลุ่มทุนต่างชาติไปแล้ว
ด้านนางอัญชลี กัลมาพิจิตร เจ้าของปางช้างแม่สา กล่าวว่า คาดว่าวิกฤตครั้งนี้จะยาวนานไปจนถึงสิ้นปี ปางช้างพยายามช่วยเหลือ และปรับตัวเพื่อต่อสู้กับวิกฤตครั้งนี้ในหลายๆด้าน เช่นการทำเกษตรปลูกผัก เพื่อเป็นคลังอาหารสำหรับควาญช้าง และช้าง ขณะเดียวกันมองว่าแม้ภาครัฐเริ่มปลดล็อกเข้าสู่ระยะที่ 3 แล้ว แต่ไทยยังปิดประเทศไม่ให้ต่างชาติเดินทางเข้ามา ส่วนในปต่างประเทศก็ยังมีปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด จึงมองว่า มาตรการส่งเสริมไทยเที่ยวไทย จะเป็นอีกช่องช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ได้
โดยวันที่ 15 มิถุนายนนี้ ปางช้างแม่สา เตรียมเปิดปางช้างให้นักท่องเที่ยวคนไทยเข้าชมฟรี เพื่อตอบแทนน้ำใจที่หลายคนได้โอนเงินมาช่วยเหลือช้างผ่านมูลนิธิฯ โดยเราไม่ได้คาดหวังเรื่องรายได้มากนัก เพราะกิจกรรมที่เน้นส่วนใหญ่เป็นแบบนิวนอร์มอล ไม่มีการแสดงช้าง หรือ กิจกรรมนั่งช้าง แต่เน้นกิจกรรมการขายอาหารป้อนให้ช้าง และกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ในการช่วยดูแลช้างเป็นหลัก
ร่วมแสดงความคิดเห็น