ป.ป.ส. เดินหน้านำนโยบายนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติ หารือ ก.ล.ต. แนวทางป้องกัน/ปราบปรามการฟอกเงินยาเสพติดโดยใช้สกุลเงินดิจิทัลผ่านตลาดหลักทรัพย์

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า จากการที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กับหัวหน้าส่วนราชการที่เข้าร่วมประชุมศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2563 โดยมีการเน้นให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้เท่ากันกับอาชญากรที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินในการกระทำผิด เพื่อผลในการยึดทรัพย์สิน ตัดวงจรยาเสพติด ซึ่ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เข้าหารือกับ นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อทราบแนวทางการกำกับ ตรวจสอบ และความร่วมมือระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และ ก.ล.ต. ในการป้องกันและปราบปรามการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินผ่านช่องทางตลาดหลักทรัพย์ในการฟอกเงินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า คณะผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญของ ก.ล.ต. ได้อธิบายให้ทราบถึงกระบวนการใช้เงินสกุลดิจิทัลในตลาดหลักทรัพย์และแนวทางการกำกับและตรวจสอบในกรณีที่พบข้อสงสัย และการใช้เครื่องมือทางกฎหมาย คือ พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ซึ่งกำหนดให้สกุลเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่ ก.ล.ต. กำกับและควบคุมผ่านผู้ประกอบการ ได้แก่ นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Broker) ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Dealer) และศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchanger) เป็นต้น

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่าทาง ก.ล.ต. จะจัดทำผังกระบวนการใช้เงินสกุลดิจิทัลในตลาดหลักทรัพย์และแนวทางการกำกับและตรวจสอบ ส่วนทางสำนักงาน ป.ป.ส. จะจัดการพัฒนาบุคลากรหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และกรมศุลกากร โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจาก ก.ล.ต. สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้ประกอบธุรกิจสกุลเงินดิจิทัล มาให้ความรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานให้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต่อไป

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวตอนท้ายว่า นอกจากมาตรการที่เข้มข้นในแง่ของการปราบปราม และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดแล้ว สำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขยายผลการจับกุมที่นำไปสู่การยึดทรัพย์และการฟอกเงินจากการค้ายาเสพติดทุกกรณี และขอย้ำว่ายาเสพติดยังเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศ พี่น้องประชาชนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ โดยหากพบผู้มีพฤติการณ์ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง

ร่วมแสดงความคิดเห็น