(มีคลิป) ยันไม่พบสิ่งผิดปกติ สาเหตุการตาย “จารุชาติ​” พยานปากเอกคดี “บอส กระทิงแดง” หลังผ่าตรวจรอบ 2 พบเลือดออกที่บริเวณฐานสมอง และปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูง

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 ส.ค.63 รายงานข่าวแจ้งว่าที่ห้องประชุมอาคารบุญสม มาร์ติน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่, ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณะบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, รศ.พญ.กานดา เมฆใจดี หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ และ อ.นพ.ธวัชชัย มั่นอ่ำ อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการชันสูตรศพครั้งที่ 2 ของ นายจารุชาติ​ มาดทอง อายุ 40 ปี พยานปากเอกคดี “บอส กระทิงแดง” ที่ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์เสียชีวิต เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 30 ก.ค. 63 ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ช่วงค่ำวานนี้ ได้มีการเคลื่อนย้ายศพของผู้เสียชีวิตจากบ้านเกิดที่ อ.พาน จ.เชียงราย เพื่อนำกลับมาทำการชันสูตรสาเหตุของการเสียชีวิตอีกครั้งหนึ่ง จากสาเหตุที่มีการตรวจพบเบาะแส และข้อผิดปกติ รวมไปถึงการตั้งคำถามถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดของ นายจารุชาติ​ ว่าเป็นเพียงการประสบอุบัติเหตุ หรือมีปมเงื่อนงำแอบแฝงหรือไม่

อ่านข่าวก่อนหน้า : (มีคลิป) ตร.พร้อมแพทย์นิติเวช นำศพพยานปากเอกคดี “บอส ทายาทกระทิงแดง” กลับมาตรวจอีกครั้ง หลังทำพิธีที่บ้านเกิด เร่งหาข้อเท็จจริง ปมเงือนงำการเสียชีวิต 

โดยจากผลการชันสูตรนั้น ทางด้าน รศ.พญ.กานดา เมฆใจดี หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ ได้เปิดเผยว่า จากผลการผ่าชันสูตรศพของผู้เสียชีวิตในครั้งที่ 2 นี้ ซึ่งมีการตรวจสอบบาดแผลหลัก ๆ ตามร่างกายผู้ตาย คือ บาดแผลถลอก และพบบาดแผลถลอกเป็นแผลใหญ่ ที่บริเวณศีรษะด้านซ้าย และที่บริเวณบ่า ซึ่งเมื่อได้มีการผ่าตรวจภายในก็พบว่ามีเลือดออกที่บริเวณฐานสมองจำนวนมาก เนื่องจากที่บริเวณฐานสมองนั้น มีก้านสมองอยู่ โดยก้านสมองเป็นอวัยวะที่ควบคุมการทำงานของหัวใจ และการหายใจ ดังนั้นการมีเลือดออกที่บริเวณดังกล่าว จะส่งผลทำให้เสียชีวิตได้ค่อนข้างเร็ว

นอกเหนือจากนั้นแล้ว ยังตรวจพบว่ามีกระดูกซี่โครงที่บริเวณด้านหลังซ้ายหัก ซึ่งเป็นลักษณะของการหักก่อนเสียชีวิต และมีซี่โครงอีกหลายซี่ด้านหน้าหัก แต่เป็นลักษณะของการหักในช่วงที่เสียชีวิตแล้ว หรือกำลังจะเสียชีวิต ซึ่งเข้าได้กับการปั๊มหัวใจ นอกจากนี้ บริเวณช่องท้องที่บริเวณไขมันพอกตับและที่ม้าม พบมีการแตก 2 ที่ โดยหนึ่งในที่นั้นค่อนข้างลึก อีกทั้งมีไตข้างซ้ายปริ มีเลือดออกในช่องท้อง 1,500 มิลลิลิตร ซึ่งในครั้งแรกทำการชันสูตรไม่ได้มีการผ่าตรวจที่บริเวณลำคอ เนื่องจากเป็นกรณีรถเฉี่ยวชนตามปกติ แต่หลังจากครั้งที่ 2 ที่ได้นำศพมาทำการชันสูตรซ้ำอีกครั้ง ได้มีการชันสูตรอีกรอบ โดยมีการเชิญ อ.นพ.ธวัชชัย มั่นอ่ำ เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งในครั้งนี้ได้มีการผ่าตรวจเพิ่มเติมในบริเวณลำคอ

โดยภายหลังการตรวจชันสูตร และมีการพูดคุยกันในเบื้องต้น ได้มีการสรุปสาเหตุของการเสียชีวิต ซึ่งมาจากการมีเลือดออกที่บริเวณฐานสมอง เนื่องจากการที่มีการตรวจสอบบาดแผลภายนอกตามร่างกาย พบว่ามีแผลที่บริเวณศีรษะ และไหล่ กระแทกลงไปที่บริเวณที่ไม่มีคมแล้วมีการสะบัดเกิดขึ้น ทำให้มีการปริของเส้นเลือดที่บริเวณฐานสมอง แล้วทำให้มีเลือดออกที่บริเวณนั้นจนเสียชีวิต แต่เนื่องจากมีข้อข้องใจหลายข้อที่เกิดขึ้น เมื่อวานนี้ทางการชันสูตรจึงได้มีการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เป็นตัววัดอีกทางหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการตรวจสอบทั้งครั้งแรกและครั้งที่ 2 พบว่าบาดแผลของผู้เสียชีวิตนั้น สอดคล้องกับการเคลื่อนที่ กระแทกกับวัตถุไม่มีคมที่มีพื้นผิวยาวและทำให้เกิดการสะบัดของบริเวณศีรษะ ทำให้เส้นเลือดที่บริเวณฐานสมองฉีกขาด และมีเลือดออกในรอบ ๆ ก้านสมอง

ทางด้าน อ.นพ.ธวัชชัย มั่นอ่ำ อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ เปิดเผยว่า จากผลการตรวจชันสูตรเพิ่มเติมที่บริเวณลำคอนั้นพบว่า ไม่มีรอยช้ำ ไม่มีเลือดออก บริเวณกล้ามเนื้อคอก็ไม่พบร่องรอยของถูกบีบ หรือการทำร้ายแต่อย่างใด และนอกจากนี้ ก่อนที่จะมีการผ่าชันสูตรอีกรอบ ก็ได้มีการเอาร่างของผู้เสียชีวิตไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ จากหัวจรดเท้าอีกรอบ เพื่อตรวจสอบดูว่ามีร่องรอยของกระสุนหรือวัตถุต่าง ๆ หรือไม่ ซึ่งผลก็พบว่าไม่มีร่องรอยของโลหะหรือหรือสิ่งที่ระบุว่าเป็นกระสุนในร่างของผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในการตรวจสอบชันสูตรในครั้งที่ 2 นี้ ยังคงพบร่องรอบบาดแผลเหมือนเดิม เช่นเดียวกับการตรวจชันสูตรในครั้งแรก แต่ในส่วนของเลือดในท้องนั้นได้มีการล้างเช็ดไปหมดแล้วจึงไม่สามารถตรวจได้ ส่วนค่าปริมาณแอลกอฮอลล์ที่ตรวจพบในเลือดของผู้เสียชีวิตนั้น พบว่ามีประมาณ 218 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งยืนยันว่าในการตรวจชันสูตรในรอบที่ 2 นี้ ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ หรือผลที่แตกต่างจากในการตรวจรอบแรกแต่อย่างใด

ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในคดีนี้จากพยานหลักฐาน จากกล้องวงจรปิด รวมถึงพยานบุคคล เบื้องต้นตอนนี้สรุปได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะเรามีการตรวจสอบกล้องทุกจุดทุกเส้นทางที่ทั้งสองขับรถ โดยเริ่มต้นทั้งสองไปนั่งดื่มสุราที่ร้านขายสุรา ย่านพืชสวนโลก ถนนคันคลองชลประทาน ในเวลาราว ๆ 22.00 น. ของคืนวันที่ 29 ก.ค. 63 ทั้งสองไม่ได้มาพร้อมกัน แต่นายสมชาย ตาวิโน มาก่อน และนั่งข้างใน นายจารุชาติ มาทีหลังนั่งหน้าร้าน และนั่งคนละโต๊ะ พอร้านปิดนายสมชาย ตาวิโน อายุ 50 ปี คู่กรณีก็หยิบเหล้าออกจากร้าน และมาเจอนายจารุชาติ ผู้ตายนั่งคนเดียวหน้าร้าน นายสมชาย จึงชวนนายจารุชาติ ที่พึ่งรู้จักกันคุย ตามประสาคนเมา ซึ่งตรงนี้มีพยานกล้องวงจรปิด และพยานบุคคลภายในร้าน

จากนั้นเมื่อคุยกันถูกคอ ก็มีการชวนกันไปต่อร้านสาว แถวสันติธรรม ซึ่งตรงนี้พยานที่อยู่ที่ร้านอาหารเราก็ทำการสอบสวนไว้หมดแล้ว หลังจากนั้นทั้งสองก็ขับขี่ และทักทายกันตลอดเส้นทาง จากพืชสวนโลก มาที่สันติธรรม ระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร จนมาประสบอุบัติเหตุ นายจารุชาติ ขับจะแซง และเฉี่ยวใส่รถนายสมชาย จนเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตดังกล่าวขึ้น ซึ่งจากกล้องวงปิดตลอดส้นทางที่ทั้งสองขับขี่รถตามกัน ไม่มีคนอื่นใดขับรถนำหน้า หรือตามหลัง จนหลังเกิดเหตุก็มีกู้ภัยและพลเมืองดีมาช่วย ซึ่งเราก็สอบปากคำทุกคนไว้หมดแล้ว ซึ่งการสรุปเบื้องต้นคดีนี้น่าจะเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งตอนนี้ก็รอผลจากการตรวจทุกอย่างให้ละเอียดรอบคอบ เพื่อจะได้ชี้แจ้งทุกประเด็นให้ตอบข้อสงสัยของสังคมให้ได้ทุกข้อ โดยเฉพาะเรื่องที่ผู้ตายทำงานให้อดีต สว. และมีสปอนเซอร์เป็นเครือกระทิงแดง ตรงนี้เราก็กำลังตรวจเช็คให้ลึก ๆ เพื่อให้ได้ข้อกระจ่างทุกข้อสงสัย

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น