ป.ป.ส. เร่งขับเคลื่อนนโยบายยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ผนึกภาคีจัดประชุมแนวทางบูรณาการสืบสวนสอบสวนทางการเงิน

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้ความสำคัญกับการจับกุมขยายผลเพื่อยึดทรัพย์สินจากยาเสพติด เพื่อให้สามารถเอาชนะปัญหายาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรม และนโยบายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ที่ให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ตามคำสั่ง ศอ.ปส. ที่ 5/2563 เพื่อให้มีการบูรณาการร่วมกันในทุกมิติระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตัดวงจรการค้ายาเสพติด ด้วยการทำลายฐานสำคัญของขบวนการค้ายาเสพติดคือการจัดการด้านการเงิน

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส.

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมสรรพากร สำนักงานอัยการคดียาเสพติด และกระทรวงมหาดไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการแนวทางการบูรณาการสืบสวนสอบสวนทางการเงินเพื่อการยึดอายัดทรัพย์สินขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจและความรู้ที่ถูกต้องให้กับเจ้าหน้าที่ในการบูรณาการสืบสวนขยายผล และมาตรการแนวทางการยึดอายัดทรัพย์สินตามมูลค่า (Value-based confiscation) ซึ่งเป็นแนวทางของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดต่อไป

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า หลังจากจัดประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ครั้งแรกระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ทำให้มีผลการปฏิบัติงานดีขึ้นอย่างชัดเจน สำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงจัดประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2563 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีความรู้และทักษะในข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ เช่น มาตรการทางภาษี สามารถบูรณาการการบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีความรู้ความชำนาญในการวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติด มีช่องทางในการแลกเปลี่ยน ส่งต่อ และเชื่อมโยงข้อมูลการทำธุรกรรมต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินถูกพัฒนาไปมากเพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมออนไลน์ ส่งผลให้รูปแบบอาชญากรรมมีการเปลี่ยนแปลงไป มีความซับซ้อนมากขึ้น และมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการกระทำความผิด การฟอกเงินจากการค้ายาเสพติดผ่านการโอนเงินดิจิทัล เป็นต้น

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวตอนท้ายว่า ขอย้ำว่าการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด นอกจากมีบทลงโทษขั้นสูงสุดคือประหารชีวิตแล้ว ทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดจะต้องถูกยึด ซึ่งไม่เพียงแต่ทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ ประชาชนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ หากพบผู้ที่มีพฤติการณ์ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. โทร 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง

ร่วมแสดงความคิดเห็น