ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสง่า มังคละ เลขาธิการสภาอาชีพเกษตรกร (สอก.) ได้ลงนามในเอกสารแจ้งถึงเกษตรกรชาวสวนลำไย ว่าในช่วงเวลา 14.00 น. วันที่ 6 ส.ค. นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง จะเดินทางมาพบพี่น้องเกษตรกรชาวสวนลำไย เพื่อชี้แจงการชดเชยเยียวยาเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ไร่ละ 2,000 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่
โดยแจ้งไปยังกลุ่มเครือข่ายเกษตรกร ให้แจ้งข่าวดี ข่าวด่วนให้ชาวสวนลำไยรับทราบ และไปร่วมต้อน
รับ ร่วมรับฟังรายละเอียด ที่ห้องนิทรรศการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ และให้นำสมุดเล่มเขียวไปแสดงด้วย หากไม่นำไป จะเสียโอกาสในการรับสิทธิ์ครั้งนี้
ทั้งนี้จากการตรวจสอบของทีมข่าว ในปฏิทินหมายงานของจังหวัด พบว่ามีการระบุช่วงเวลาคณะเดิน
ทางถึงเชียงใหม่ 14.00 น. และเดินทางกลับในช่วงเวลาประมาณ 16.05 น. ส่วนรายละเอียดการปฏิบัติราชการของคณะรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร) จะมีการบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัย จากกรมป้องกันภัยฯ และสถานการณ์พืชผลการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จากกรมส่งเสริมการเกษตร ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัด ก่อนจะเดินทางไปพบปะพี่น้องเกษตรกรชาวสวนลำไย พร้อมรับฟังปัญหา และหารือข้อเสนอเพื่อรับการเยียวยาช่วยเหลือจากภาครัฐต่อไป
สำหรับภาวะตลาดลำไย ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะ จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน นั้น จากการสอบถามเกษตรกร ชาวสวนลำไยในพื้นที่ ส่วนใหญ่ระบุว่า ต้องเก็บเอง ขายเองผ่านตลาดออนไลน์ หรือมัดปุ๊ก เร่ขายตามกาดนัด ตลาด และตามรายทางในพื้นที่ ตลอดฤดูกาล ซึ่งรายได้จะคุ้มทุนกว่าร่อน นำไปขายล้ง จุดรับซื้อ เนื่องจากราคาเกรดเอเอและเอ แตกต่างกันมาก เฉลี่ยเอเอ, เอ, บี และซี เช่นที่ อำเภอสารภี และฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ราคา 19, 9, 4 และ 0.5 บาท ตามลำดับ อำเภอแม่แตง ราคา 22, 11 และ 2 บาท ตามลำดับ และไม่รับเกรดซี, จังหวัดเชียงราย ราคา 19, 9, 4 และ 1 บาท ตามลำดับ, อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ราคา 21, 10, 4 และ 1 บาท ตามลำดับ และ อำเภอป่าซาง ราคา 19, 9, 4 และ 0.5 บาท ตามลำดับ
ชาวสวนลำไย อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน กล่าวว่า ช่วงก่อนฝน เก็บร่อนไปขายแทบไม่คุ้ม ค่าแรงคนงานเก็บรายวันก็สูง ราคาแต่ละวันปรับเปลี่ยนขึ้นลง เกรดเอเอกับเอ ต่างกันมากไป ปรับตัวมาลองเก็บขายเอง ขายตามข้างทางหรือส่งตามที่ลูกค้าสั่งจากต่างจังหวัด ส่งไปทางบริการส่งด่วนรายได้ก็พอกระเตื้องขึ้นมา
เครือข่ายชาวสวนลำไยภาคเหนือ ยอมรับว่า ปัญหาราคาลำไย แก้ยากตราบใดที่กลไกตลาดหลัก ยังผูกขาดในกลุ่มล้งใหญ่ ๆ ที่มีช่องทางตลาดคู่ค้าในกลุ่ม ยกเว้นชาวสวนทางภาคเหนือรวมตัว ให้เข้มแข็งแบบทางภาคตะวันออก จังหวัดจันทบุรี ที่ได้ราคาดีกว่า มีเรื่องรวมกลุ่ม ต่อรองกันไม่ถอย ช่วยกันพัฒนาคุณภาพสินค้า จนคู่ค้าปฏิเสธผลผลิตไม่ลง ต่างจากบ้านเรา ยิ่งทำ ยิ่งท้อถอยกับราคาที่ตกต่ำมาตลอด
“ดังนั้นการรวมกลุ่มกันตามชุมชน หมู่บ้าน ตำบลแล้วตั้งจุดศูนย์กลางรับและรวมลำไย ส่งโรงงาน โดยมีผู้นำชุมชน ท้องถิ่น เป็นแกน น่าจะเป็นทางรอด ทางออกที่ยังยืน ดีกว่ามาลุ้นราคากันทุกปี หรือ ต้องหาวิธีเอาตัวรอดกันตามความถนัดหรือช่องทาง แบบเอาตัวเองให้รอดพอ ไม่สนใจส่วนรวม วิธีการ”
สำหรับกรณีเกษตรกรที่ประสบปัญหาอุทกภัยนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือ ฟื้นฟู ดูแลเกษตรกรผู้ประสบภัย ให้เกษตรจังหวัดทุกจังหวัด ระดมเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรกระจายลงพื้นที่ตามอำเภอต่าง ๆ เพื่อเยี่ยมเยือนให้กำลังใจพี่น้องเกษตรกร สำรวจปัญหา สอบถามความต้องการ และเตรียมมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ จะจ่ายให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร กับกรมส่งเสริมการเกษตรไว้ก่อนเกิดภัย จ่ายเงินช่วยเหลือตามจำนวนพื้นที่จริง ที่ได้รับความเสียหาย รายละไม่เกิน 30 ไร่ ซึ่งกำหนดให้นาข้าวได้รับอัตราไร่ละ 1,113 บาท พืชไร่ได้รับอัตราไร่ละ 1,148 บาท และพืชสวนและอื่น ๆ ได้รับอัตราไร่ละ 1,690 บาท ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562
ร่วมแสดงความคิดเห็น