กลุ่มชนเผ่าดาราอั้ง หรือปะหล่อง และปกาเกอะญอ หรือกะเหรี่ยง ในหมู่บ้านเดอะช้างวิลเลจ ของปางช้างแม่สา อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยว กว่า 100 คน ร่วมกันดำนาบนแปลงนาที่ตั้งกลางหมู่บ้านที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงาม พร้อมนำช้างของปางช้างแม่สาที่ปลดโซ่แล้วกว่า 10 เชือก มาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย
การดำนาปลูกข้าวครั้งนี้ เป็นหนึ่งในโครงการปลูกข้าวเหนียวเลี้ยงช้าง เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2563 “ปลูกวันแม่เกี่ยววันพ่อ” ที่ปางช้างแม่สาจัดขึ้น เพื่อนำผลผลิตที่ได้ ไปเลี้ยงช้างของปางช้างแม่สา ที่มีกว่า 78 เชือก โดยใช้ข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตอง ปลูกบนพื้นที่นา 15 ไร่ คาดว่าจะได้ผลผลิตเป็นข้าวเปลือก 300 กระสอบ เมื่อผ่านการสีแล้วจะได้ข้าวเหนียว 100 กระสอบ สามารถใช้เลี้ยงช้างได้นานกว่า 3 เดือน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อข้าวเหนียวเลี้ยงช้างได้นับแสนบาท
นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปางช้างแม่สา จำกัด เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้ปางช้างแม่สา และหมู่บ้านเดอะช้างวิลเลจ หรือเดิมชื่อ หมู่บ้านโต้งหลวง ได้รับผลกระทบ เพราะการท่องเที่ยวหยุดชะงักนักท่องเที่ยวกลายเป็นศูนย์ แต่ในหมู่บ้านยังมีชนเผ่าปะหล่อง และปกาเกอะญอ ที่เป็นกลุ่มคนเลี้ยงช้างอาศัยอยู่หลายครอบครัว 
ปางช้างแม่สา จึงปรับเปลี่ยนรูปแบบหันมาพึ่งพาตัวเองตาม หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อปลูกพืชผัก ไว้เป็นคลังอาหาร สำหรับเลี้ยงคน และส่วนหนึ่งใช้เลี้ยงช้าง เพราะปัจจุบันปางช้างแม่สา ประสบปัญหาด้านรายได้หลังนักท่องเที่ยวกลายเป็นศูนย์ แต่ยังต้องเลี้ยงดูช้างกว่า 78 เชือก โดยอาหารหลักของช้างกว่าร้อยละ 70 คือ หญ้า กล้วย และอ้อย ส่วนอีกร้อยละ 30 เป็นอาหารเสริม คือ ข้าวเหนียวนึ่งคลุกเกลือ
ทั้งนี้ในอนาคตหากการท่องเที่ยวฟื้นตัว ปางช้างแม่สาเตรียมเปิดหมู่บ้านเดอะช้างวิลเลจ ให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมอีกครั้งในรูปแบบของการท่องเที่ยววิถีใหม่ หรือนิวนอร์มอล เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มชนเผ่า และการเลี้ยงช้างแบบธรรมชาติความคู่กันไป หลังจากปางช้างแม่สาได้เดินหน้าปลดโซ่ตรวนช้าง เพื่อให้ช้างได้อยู่แบบอิสระแบบธรรมชาติ และเพื่อให้ปางช้างแม่สาอยู่คู่กับเมืองเชียงใหม่ต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็น