เมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 ส.ค. 63 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ ข่วงประตูท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้เกิดการชุมนุมของประชาชนชาวเชียงใหม่อีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์ชุมนุมใหญ่เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 63 ที่ผ่านมา และจากการชุมนุมครั้งดังกล่าวที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการติดตามตัวแกนนำผู้ชุมนุมไปรับทราบข้อกล่าวหามาแล้ว เมื่อวันที่ 30 ก.ค.63 ตามหมายเรียก ซึ่งในครั้งนั้นทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังคงยืนยันว่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง จนในวันนี้ได้มีการชุมนุมอีกครั้ง โดยมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมไม่ต่ำกว่า 1,000 คน พร้อมทั้งในการนี้ นายอานนท์ นำภา ได้รับเชิญให้กำลังใจ และขึ้นมาพูดปราศรัยในการชุมนุมครั้งนี้อีกด้วย
โดยทาง นายอานนท์ นำภา ได้ขึ้นเวทีปราศัยในเวลา 19.00 น. และได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การถูกจับกุมครั้งก่อนส่งผลกระทบหรือไม่ ซึ่งไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่เป็นการเติมเชื้อไฟให้มากกว่า ให้คนร่วมออกมาต่อสู้เยอะ เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คนออกมาเพื่อให้คนสนใจเราและออกมาเคลื่อนไหวร่วมกันกับเรา ไม่ได้กลัวเรื่องของเจ้าหน้าที่จะมีปฏิกิริยาอะไรในเรื่องนี้ เพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่เข้าใจเรามากขึ้น และคิดว่าศาลเข้าใจว่าเราทำอะไรอยู่ พยายามประคับประคองให้การดำเนินการเป็นไปได้ด้วยดี และวันนี้มาให้กำลังใจน้องๆ และเอาข้อมูลข่าวสารจากกรุงเทพฯ มาให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ได้รับทราบ
สำหรับเรื่องการเคลื่อนไหวในวันนี้ เมื่อศาลบอกว่าเรากระทำความผิดในเรื่องใด แต่เราไม่ได้ทำความผิดก็ออกมาได้ไม่เป็นไร ที่จริงศาลก็เข้าใจเราและเราก็เคลื่อนไหวด้วยความเรียบร้อยอยู่ และวันนี้ไม่มีความกังวลอะไร แล้วคนก็มาร่วมเยอะมากด้วยในวันนี้ โดยมีประเด็นที่จะขึ้นพูดเกี่ยวกับข้อเรียกร้อง 3 ข้อและการขยายอำนาจของสถาบันกษัตริย์ ได้พูดเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอดขึ้นเวทีปราศัยในเวลา 19.00 น.
เรื่องการเคลื่อนไหวในวันนี้ เมื่อศาลบอกว่าเรากระทำความผิดในเรื่องใด แต่เราไม่ได้ทำความผิดก็ออกมาได้ไม่เป็นไร ที่จริงศาลก็เข้าใจเราและเราก็เคลื่อนไหวด้วยความเรียบร้อยอยู่ และวันนี้ไม่มีความกังวลอะไร แล้วคนก็มาร่วมเยอะมากด้วยในวันนี้ โดยมีประเด็นที่จะขึ้นพูดเกี่ยวกับข้อเรียกร้อง 3 ข้อและการขยายอำนาจของสถาบันกษัตริย์ ได้พูดเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด โดย 3 ข้อดังกล่าวประกอบด้วย
1.ให้ยกเลิก และแก้ไขกฎหมาย ที่มีผลเป็นการขยายพระราชอำนาจ ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่อาจกระทบต่อระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2.แก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย และไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
3.ต้องรับฟังเสียงของนิสิต นักศึกษา และประชาชนที่ออกมาแสดงความคิดเห็น ทางการเมืองขณะนี้ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาของบ้านเมืองให้เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย
ขณะที่ทางด้าน พ.ต.อ.ภูวนาถ ดวงดี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่าการ เข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ของนายอานนท์ ทางตำรวจจะไม่แจ้งข้อหาหรือดำเนินคดีอะไร แต่จะรวบรวมพยานหลักฐานและพฤติการณ์การเข้าร่วมชุมนุมทั้งหมดส่งไปให้กับ สน.สําราญราษฎร์ เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขการให้ประกันตัวของศาลอาญาหรือไม่ ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลที่จะพิจารณาในเรื่องนี้
ส่วนการดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม หลังจากที่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับแกนนำทั้ง 4 คน ที่จัดชุมนุมในวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ส่วนของการชุมนุมครั้งที่ 2 ในวันที่ 29 กรกฎาคม ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเสนอรายงานไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้พิจารณา โดยมีแกนนำทั้งหมด 5 คน เป็นแกนนำ 4 คนแรกที่ถูกดำเนินคดีกรณีวันที่ 19 ก.ค. และ เพิ่มเติมมาอีก 1 คน ส่วนจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีอย่างไรหรือไม่ จะต้องรอคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามหลังการชุมนุมครั้งนี้ ทางด้าน นายอานนท์ นำภา ได้พูดปราศรัยประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นก็ได้มีการนัดหมายชุมนุมครั้งใหญ่ในวันที่ 16 ส.ค.ที่จะถึงนี้ หลังจากนั้นได้เดินทางออกจากชุมนุมและขึ้นรถเดินทางกลับทันที และมีการชุมนุมต่อจนกระทุ่งถึงเวลาประมาณเกือบ 20.00 น. ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะพากันแยกย้ายเดินทางกลับ โดยในการชุมนุมครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องดูแลความสงบเรียบร้อย และไม่ได้เกิดเหตุการณ์ชุนมุนวุ่นวายแต่อย่างใดจนจบการชุมนุม
ร่วมแสดงความคิดเห็น