เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ส.ค. 63 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตะสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ห้วงระหว่างวันที่ 6-12 ส.ค. 63 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปฏิบัติการตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการป้องปรามและป้องกันการก่ออาชญากรรมของคนร้าย และการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับประชาชน
โดยผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมการกระทำความผิด จำนวน 865 ราย ผู้ต้องหา จำนวน 873 คน ประกอบด้วย คดีอาญา จับกุมจำนวน 11 ราย ผู้ต้องหา จำนวน 23 คน และจับกุมคดีค้างเก่า จำนวน 45 ราย ผู้ต้องหาจำนวน 45 คน ส่วน คดียาเสพติด จับกุมจำนวน 746 ราย ผู้ต้องหาจำนวน 747 คน ของกลางยาบ้าจำนวน 4,146,257.63 เม็ด และคดีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด จับกุมจำนวน 63 ราย ผู้ต้องหาจำนวน 58 คน ของกลางอาวุธปืน 84 กระบอก, กระสุนปืน 189 นัด นอกจากนี้ยังมีการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ตรวจยึดท่อไอเสีย จำนวน 71 ชิ้น ตรวจยึดรถจักรยานยนต์จำนวน 603 คัน และจัดทำประวัติผู้กระทำความผิดและผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะแข่งรถในทาง จำนวน 116 ราย
ทั้งนี้ทางด้าน พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ได้ปรากฏข่าวสารทางสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมของคนร้าย พบว่าส่วนใหญ่เป็นคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ลักทรัพย์ โดยผู้ก่อเหตุมีการใช้อาวุธปืนในการ ก่อเหตุโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนจากการได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้มีการสั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรมต่าง ๆ ทุกประเภทและทุกชนิดที่ส่งผลกระทบต่อความสงบสุขของประชาชน และความเรียบร้อยในประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของบุคคลที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญให้กับพี่น้องประชาชนทั่วไปที่เรียกกันตามภาษาชาวบ้านว่า “เด็กแว้น” ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเน้นหนักในเรื่องนี้มาก ซึ่งได้มีการตรวจสอบร้านซ่อมรถที่มีการดัดแปรงรถจักรยานยนต์ต่าง ๆ ในพื้นที่ซึ่งมีการตรวจสอบไปถึง 1,600 กว่าครั้ง และได้มีการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ที่ผิดกฎหมาย อุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบมากถึง 800 กว่าคัน และบางรายตามแต่พฤติการณ์ รวมไปถึงบางรายที่เป็นเด็กเยาวชนก็ได้มีการเรียกผู้ปกครองเข้ามาว่ากล่าวตักเตือน อีกทั้งบางรายที่มีความผิดหลายข้อหาก็มีการเปรียบเทียบปรับ ตลอดถึงบางรายที่มีโทษถึงขั้นจำคุกก็ต้องส่งศาลเพื่อดำเนินการต่อไป
ขณะเดียวกันในส่วนของร้านทอง หรือสถาบันการเงิน และร้านที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงได้มีการสั่งกำชับให้ทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มในการระมัดระวังไม่ให้มีเหตุการก่อการร้ายเกิดขึ้น โดยต้องตรวจสอบอุปกรณ์ กล้อง CCTV และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เกิดความพร้อมและมีประสิทธิภาพ และหากสถานประกอบการใดพบบุคคลต้องสงสัย แต่งกายไม่เรียบร้อยผิดปกติจากคนทั่วไปก็ขอให้แจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้
ร่วมแสดงความคิดเห็น