ป.ป.ส. เผยความร่วมมือ ไทย-เมียนมา ในการสกัดกั้นยาเสพติด ลดปริมาณยาเสพติดที่จะเข้าไทยได้เป็นจำนวนมาก ยึดยาบ้าก่อนที่จะถูกลักลอบนำเข้าไทยรวมเกือบ 35 ล้านเม็ด

วันที่ 14 สิงหาคม 2563 นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยถึงผลอันเกิดจากความร่วมมือระหว่างประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 โดยเฉพาะระหว่าง ไทย-เมียนมา ในการสกัดกั้นยาเสพติดจากแหล่งผลิตในรัฐฉานที่เป็นยาบ้าและไอซ์ ซึ่งจะถูกลักลอบนำเข้าไทยผ่านทางชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันตก ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 ถึงต้นเดือนสิงหาคม 2563 ว่าทางการเมียนมาสามารถยึดยาบ้ารวม 34.9 ล้านเม็ด

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มว่า ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อัครราชทูตที่ปรึกษาด้านยาเสพติด ประจำกรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ได้รับประสานการข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกลาง เพื่อการควบคุมยาเสพติด (CCDAC) ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาสามารถจับยึดยาบ้าจำนวนมากได้ 2 ครั้ง ของกลางรวมกว่า 7.6 ล้านเม็ด ในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก โดยครั้งแรกยึดยาบ้า 6.4 ล้านเม็ด ขณะลำเลียงจากแหล่งผลิตนำมาพักคอยบริเวณชายแดน เพื่อหาโอกาสลักลอบนำข้ามชายแดนเข้าไทยด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย และครั้งที่สองยึดยาบ้า 1.29 ล้านเม็ดที่รอยต่อรัฐมอญกับภาคพะโค ซึ่งลำเลียงจากแหล่งผลิตมาพักคอยเพื่อหาโอกาสนำข้ามชายแดนเข้าไทยด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก หรือ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า แหล่งผลิตหลักยาบ้าในเมียนมาอยู่ในรัฐฉาน และยาบ้าจากแหล่งผลิตในพื้นที่ดังกล่าว จะถูกลักลอบนำข้ามชายแดนเข้าไปใน 2 ประเทศ คือ ไทยและบังกลาเทศ ซึ่งจากการเก็บข้อมูลของสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. พบว่าลักษณะเม็ดยาบ้าที่ถูกส่งไปใน 2 ประเทศ จะมีความแตกต่างกัน ดังนั้นการที่สามารถระบุได้ว่ายาบ้าที่จับยึดได้มีปลายทางที่ใด จึงพิจารณาจากการข่าว การสืบสวน จุดที่จับยึดได้ และตัวลักษณะเม็ดยาบ้า และสำหรับจำนวนยาบ้าที่จับยึดได้ในไทย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ถึงปัจจุบันมีกว่า 200 ล้านเม็ด ซึ่งกล่าวได้ว่ามีจำนวนล้นเกินกว่าความต้องการเสพของกลุ่มผู้เสพในประเทศ ทั้งนี้เป็นเพราะเทคโนโลยีการผลิตที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งเครื่องมือการผลิตและสารเคมีที่ใช้จัดหาได้ง่าย ทำให้ขบวนการค้าเร่งผลิตยาบ้าป้อนเข้าตลาดจำนวนมาก โดยไม่รอการสั่งซื้อ และลดราคาขายส่งและขายปลีกต่ำลงอย่างมาก ให้ผู้ต้องการเสพเข้าถึงง่ายเพื่อกระตุ้นการใช้ ดังนั้นจึงขอให้ทุกภาคส่วน ช่วยกันดูแลป้องกันไม่ให้บุตรหลาน/คนใกล้ชิดเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวตอนท้ายว่า รัฐบาลโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสาคัญต่อปัญหายาเสพติดในขณะนี้ และมอบนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดตั้งแต่ต้นทางคือ แหล่งผลิตยาเสพติดภายนอกประเทศ โดยให้เน้นสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ยุติ/ลดปัญหาจากแหล่งผลิตให้ได้มากที่สุด ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้นำนโยบายสู่การปฏิบัติ ด้วยการผลักดันให้เกิดแผนปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 นอกจากนี้ ไทยยังมีกลไกความร่วมมือกับเมียนมาในด้านอื่นอีก เช่น แผนปฏิบัติการร่วมชายแดนไทย-เมียนมา การประสานข้อมูลผ่านทางอัครราชทูตที่ปรึกษาด้านยาเสพติด การพัฒนาทางเลือก การพัฒนาบุคลากร และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกันคือ ลิดรอนความสามารถการผลิตยาเสพติดให้ได้มากที่สุด

ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากทางการเมียนมาทั้งในระดับรัฐบาล และระดับหน่วยงานด้วยดีตลอดมา จึงขอให้พี่น้องประชาชนได้เชื่อมั่นแนวทางการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อหยุดยั้งยาเสพติดไม่ให้เข้ามาทำลายประชากรของประเทศ ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ ด้วยการป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และหากพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง

ร่วมแสดงความคิดเห็น