ปภ.รายงานเกิดน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือ เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วน

วันที่ 22 ส.ค. 63 เวลา 08.00 น. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเกิดน้ำป่าไหลหลากใน 5 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ น่าน แพร่ เชียงใหม่ ลำปาง และพะเยา รวม 15 อำเภอ 48 ตำบล 189 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,413 ครัวเรือน เสียชีวิต 1 ราย ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในช่วงวันที่ 20 ส.ค. 63 ถึงปัจจุบัน (22 ส.ค. 63 เวลา 06.00 น.) ส่งผลให้เกิดน้ำป่า ไหลหลากในพื้นที่ภาคเหนือ 5 จังหวัด รวม 15 อำเภอ 48 ตำบล 189 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,413 ครัวเรือน เสียชีวิต 1 ราย ได้แก่

น่าน เกิดน้ำไหลหลาก ในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเวียงสา อำเภอภูเพียง อำเภอสันติสุข และอำเภอนาน้อย รวม 18 ตำบล 83 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 960 ครัวเรือน เสียชีวิต 1 ราย
แพร่ เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอร้องกวาง อำเภอสูงเม่น อำเภอสอง อำเภอลอง และอำเภอหนองม่วงไข่ รวม 27 ตำบล 96 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 443 ครัวเรือน
เชียงใหม่ เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอแม่ออน รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 10 ครัวเรือน
ลำปาง เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอเมืองปาน รวม 1 ตำบล 5 หมู่บ้าน                                                                    พะเยา เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอเชียงม่วน รวมในตำบล 4 หมู่บ้าน

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภค-บริโภค และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือน เป็นวัสดุก่อสร้างหรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น