ปภ.รายงานสถานการณ์น้ำไหลหลาก 13 จังหวัด เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย

วันที่ 29 ส.ค. 63 เวลา 09.00 น. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ภาคเหนือ 13 จังหวัด ได้แก่ น่าน แพร่ เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา อุตรดิตถ์ ลำพูน แม่ฮ่องสอน สุโขทัย ตาก พิษณุโลก กาฬสินธุ์ และสิงห์บุรี ยังคงมีสถานการณ์ใน 2 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย และพิษณุโลก ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น พร้อมจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในช่วงวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ถึงปัจจุบัน (29 ส.ค.63 เวลา 06.00 น.) ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ภาคเหนือ 13 จังหวัด ได้แก่ น่าน แพร่ เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา อุตรดิตถ์ ลำพูน แม่ฮ่องสอน สุโขทัย ตาก พิษณุโลก กาฬสินธุ์ และสิงห์บุรี รวม 58 อำเภอ 211 ตำบล 933 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,798 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 11 จังหวัด ยังคงมีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนใน 2 จังหวัด ได้แก่

สุโขทัย ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ตำบลปากพระ อำเภอเมืองสุโขทัย ระดับน้ำสูงประมาณ 20 เซนติเมตร ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2 วัน

และพิษณุโลก ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอพรหมพิราม รวม 22 หลัง ระดับน้ำลดลง คาดการณ์ว่าหากไม่มีฝนตกเพิ่มเติมหรือปริมาณน้ำเพิ่ม ระดับน้ำจะลดลงภายใน 2 วัน

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูงและเร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้างหรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น