จับกระเทียมเถื่อนลักลอบนำเข้าจากเมียนมา

ผู้ใหญ่บ้าน ห้วยต้นนุ่น อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน นำชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.)จับกระเทียมเถื่อนลักลอบนำเข้าจากเมียนมาในห้วงสั่งปิดชายแดนเด็ดขาดหวั่นโควิดในเมียนมาลามเข้าไทย พบพิรุธทั้งที่สั่งปิดชายแดนห้ามเข้าเด็ดขาดไปแล้วยังสามารถนำเข้าไทยได้อย่างไร คาดเป็นของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่รัฐ
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2563 เวลา 09.00 น.นายอุดม หมั่นศึกษา ผู้บังคับหมวดชรบ. บ้านห้วยต้นนุ่น ต.แม่เงา อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ได้นำชุดชรบ.ออกตรวจตราพื้นที่เส้นทางธรรมชาติตามแนวชายแดนเพื่อเฝ้าระวัง การลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวและการกระทำผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ ได้พบการกระทำผิดดังนี้ พบการลักลอบขนกระเทียมมากองไว้บริเวณใกล้สันเขตซึ่งบรรจุในกระสอบ คาดว่าประมาณ  1,000กก. โดยมีคนเฝ้าจำนวน1คนพร้อมอาวุธปืนในมือ เมื่อเห็นชุดชรบ.พร้อมอาวุธออกลาดตระเวนจึงได้วิ่งหลบหนีลงห้วยไปทางฝั่งพม่า ทางชุด ชรบ.จึงได้เข้าทำการตรวจสอบและควบคุมของกลาง ซึ่งประกอบด้วยเพิงมุงด้วยผ้าใบและกระเทียม จำนวนประมาณ ที่บรรจุในกระสอบประมาณ 10 ตัน จึงได้รายงานให้แก่ ว่าที่ร้อยตรีณรงค์ชัย จินดาพันธ์ นายอำเภอขุนยวม ผู้บังคับบัญชาให้รับทราบ

ว่าที่ร้อยตรีณรงค์ชัย จินดาพันธ์ นายอำเภอขุนยวม เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ จะประสานหน่วยทหารในพื้นที่ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผวจ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะต้องทีการตั้งกรรมการสอบว่า การนำเข้าสินค้าดังกล่าว เข้ามาได้อย่างไร ทั้งที่ทางจังหวัดกับกองทัพภาคที่ 3 ได้มีการบูรณาการ ในการแก้ไขปัญหาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะปัจจุบัน กำลังมีปัญหาเรื่องการระบาดของโรคโควิด จากเมียนมาที่หากมีการระบาดเข้ามาจริงจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ซึ่งเรื่องนี้จะต้องทำให้ความจริงปรากฎ แหล่งข่าวในพื้นที่ดังกล่าวระบุว่า เรื่องการลักลอบนำเข้ากระเทียม จากพม่า เป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว แต่แปลกใจที่ว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดังกล่าว ทำไมไม่ทราบเรื่อง ราษฎรในพื้นที่ต่างทราบดี ว่ากระเทียมเป็นของใคร แต่ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐทั้งที่ทราบว่าเป็นของใคร ทำไมไม่มีการจับกุม หรือทำให้มีการนำเข้าอย่างถูกต้องและเสียภาษีให้รัฐ

ร่วมแสดงความคิดเห็น