(มีคลิป) แม่เด็กวัย 8 ขวบ เหยื่อแก๊งเงินกู้ดอกโหดเปิดใจกู้จริงขาดผ่อนชำระ

จากกรณีที่แก๊งเงินกู้นอกระบบก่อเหตุทวงหนี้ในพื้นที่ อ.จอมทอง และ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ได้ไปตามทวงหนี้แม่บ้านรายหนึ่งชาวบ้านแปะ ต.บ้านแปะ อ.จอมทอง แต่เจอเพียงลูกชายวัย 8 ขวบ แล้วมีการพูดจาเชิงข่มขู่ และแสดงท่าทางดุดัน ทำให้เด็กเกิดความกลัว ทางผู้เป็นแม่ได้เข้าแจ้งความตำรวจที่ สภ.จอมทอง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนายบอย อายุ 28 ปี ชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายเขียว อายุ 30 ปีชาว จ.สุโขทัย ผู้ก่อเหตุดำเนินคดีในข้อหาปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และทวงหนี้ด้วยกายข่มขู่ใช้ความรุนแรง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ส่วนข่าวคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2563 ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบ น.ส.อัญชญา (นามสมมุติ) แม่ของเด็กชายวัย 8 ขวบที่ถูกข่มขู่ชาวบ้านแปะ เปิดเผยว่าขณะนี้สภาพจิตใจของลูกชายดีขึ้นแต่ยังมีความกังวงและหวาดกลัวอยู่ โดยยอมรับว่าเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบจริง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้อาชีพรับจ้างที่ทำอยู่ไม่มีงานและขาดรายได้ จึงจำเป็นต้องกู้ยืมเงินนอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง เพราะมีความจำเป็นต้องนำเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว แต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้

ซึ่งที่ผ่านมาเคยกู้ยืมมาแล้วหลายครั้งและใช้ไปหมดแล้ว กระทั่งล่าสุดกู้ยืมมา 10,000 บาท โดยต้องจ่ายคืน 12,000 บาท ด้วยการผ่อนชำระวันละ 500 บาท จำนวน 24 วัน ซึ่งผ่อนจ่ายไปแล้ว 9,000 บาท เหลืออีก 3,000 บาท แต่เนื่องจากไม่มีเงินและไม่มีรายได้จึงขาดผ่อนส่ง

ทั้งนี้ในวันที่เกิดเหตุนั้น ตัวเองต้องไปทำงานรับจ้างที่ต่างอำเภอและลูกชายอยู่ที่บ้าน ปรากฏว่าผู้ชายสองคนดังกล่าวได้มาทวงหนี้ที่บ้านแล้วเจอกับลูกชาย พร้อมกับพูดจาในลักษณะที่เป็นการข่มขู่ดังกล่าว ทำให้ลูกชายเกิดความหวาดกลัวและรีบไปบอกให้ป้าที่ทราบ พร้อมกับโทรศัพท์บอกตัวเอง และมีการเข้าแจ้งความในเวลาต่อมา ซึ่งตัวเองยอมรับว่าเป็นหนี้จริงและมีการขาดชำระจนถูกทวงถามหลายครั้ง อย่างไรก็ตามมองว่าไม่ถูกต้องที่มีการดึงลูกชายที่เป็นเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเกี่ยวข้องด้วย ส่วนหนี้สินที่คงค้างอยู่นั้น ยืนยันว่าจะเร่งดิ้นรนทำงานหาเงินมาใช้คืนให้ได้โดยเร็วที่สุด ขณะที่คดีในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินไปตามกฎหมาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนและอุทาหรณ์การใช้ชีวิตอย่างดีให้กับตัวเอง

สำหรับการปล่อยเงินกู้นอกระบบในพื้นที่นั้น ยอมรับว่ามีอยู่ทั่วไป และเข้าถึงได้ง่าย แม้ว่าจะมี ดอกเบี้ยสูง แต่เป็นเพราะชาวบ้านไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบ และไม่มีมาตรการช่วยเหลือที่เพียงพอจากรัฐบาล โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจตกต่ำและขาดรายได้ จึงจำเป็นต้องหันหน้าเข้าไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาตามมา ซึ่งเท่าที่ทราบนั้น คนรู้จักจำนวนมากในพื้นที่ละแวกบ้านและพื้นที่ใกล้เคียง จำเป็นต้องใช้บริการเงินกู้นอกระบบ และท้ายที่สุดเผชิญปัญหาเช่นเดียวกับตัวเองที่ต้องขาดผ่อนชำระและถูกติดตามทวงหนี้อย่างหนัก ซึ่งหากเป็นไปได้อยากให้มีหน่วยงานยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือ

ร่วมแสดงความคิดเห็น