ชาวจอมทองเฮ!! ถนน‘เลี่ยงเมือง’อดีต ส.ส.ณรงค์ ดันงบคาดปี67แล้วเสร็จ

กรมทางหลวง ประชุมแจงผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการสร้างทางเลี่ยงเมือง 4 เลนในเขต อ.จอมทอง เป็นทาง ค.1 ใกล้สรุปนำผังแนวเขตเวนคืน และบ้านเรือนที่รับผลกระทบมาแจง ยืนยันถ้าประกาศผังเมืองจอมทองก็สามารถเสนอของบประมาณมาสร้างได้ และแล้วเสร็จภายในปี 2567 ชาวจอมทองขอบคุณอดีต ส.ส.ณรงค์ ภูอิทธิวงศ์ ที่ช่วยผลักดันโครงการ เพื่อแก้ปัญหาคอขวดในตัวอำเภอจอมทอง และป้องกันอุบัติเหตุบนทางหลัก

เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2563 ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอจอมทอง จ.เชียงใหม่ นายสุทิน จันทร์งาม นายอำเภอจอมทอง เป็นประธานเปิดการประชุมหารือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ(การประชุมกลุ่มย่อย ครั้งที่ 2)โครงการสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร ทางเลี่ยงเมือง อ.จอมทอง (เพิ่มเติมโครงข่ายคมนาคมฝั่งตะวันตก จ.ลำพูน) โดยมีนายวิพากษ์ จารุพันธ์ รอง ผอ.แขวงทางการเชียงใหม่ที่ 1 นายไมตรี เขียวอ่อน ฝ่ายนิติกร สำนักงานทางหลวงที่ 1 เชียงใหม่ พร้อมด้วยนายนภัสรพี อนันตชัยพงศ์ วิศวกรโยธา ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการกรรมสิทธิ์ที่ดิน นายฤทธิ์ชัย วุ้นศิริ ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจ/สังคม และ น.ส.จันจิรา เกื้อด้วง ตัวแทนสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.เชียงใหม่ ร่วมให้ข้อมูล-ตอบข้อซักถามประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยมี ผศ.วิวัฒน์ อังศุสิงห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมภาคประชาชนดำเนินรายการ มีประชาชนเข้าร่วมรอบเช้ากว่า 600 คน มีอดีต ส.ส. 2 คน คือนายณรงค์ ภูอิทธิวงศ์ และนายสุรพล เกียรติไชยากร กับตัวแทน ส.ส.ปัจจุบัน (น.ส.ศรีนวล บุญลือ)ร่วมด้วย


นายวิพากษ์ จารุพันธ์ รอง ผอ.แขวงทางการเชียงใหม่ที่ 1 กล่าวว่า ปัจจุบันการเดินทางในพื้นที่อำเภอจอมทอง มีทางหลวงหมายเลข 108 เป็นทางหลวงสายหลัก เป็นทางหลวงขนาด 4 ช่องจาราจรเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นช่วงที่ตัดผ่านเข้าตัวเมืองอำเภอจอมทอง ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องทางแคบ มีขนาดช่องจาราจรเพียง 2 ช่องจาราจร ไหล่ทางแคบ มีพื้นที่ชุมชน ร้านค้า สถานประกอบการ โรงเรียน และสถานที่ราชการในแนวริมสายทาง และมีปริมาณจาราจรหนาแน่น มีสัดส่วนรถบรรทุกค่อนข้างสูง ส่งผลต่อความปลอดภัยในการข้ามถนน และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ประกอบกับเส้นทางดังกล่าว มีทั้งรถบรรทุกหิน รถบรรทุกสินค้าเกษตร รถนักท่องเที่ยว รถโดยสารประจำทาง ผ่านตัวเมืองจอมทองเป็นจำนวนมาก เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว กรมทางหลวงจึงมีโครงการสร้างถนนเลี่ยงเมืองด้านตะวันออก โดยว่าจ้าง 3 บริษัทที่ปรึกษามาดำเนินการสำรวจและออกแบบ จัดทำรายละเอียดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยประชุมทั้งหมด 5 ครั้ง ประชุมใหญ่ 3 ครั้ง ประชุมกลุ่มย่อย 2 ครั้ง การประชุมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 และจะมีประชุมใหญ่อีกครั้งเพื่อสรุปผลดำเนินการ เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ ผลกระทบต่างๆ โดยก่อนลงมือก่อสร้าง(หากได้รับงบประมาณ)จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมให้น้อยที่สุด

นายสุทิน จันทร์งาม นายอำเภอจอมทอง กล่าวว่า ปัญหาการจราจรในเขตเมืองจอมทองเป็นดังที่กรมทางหลวงได้ทราบ เพราะเป็นทางหลักสู่อำเภอสายใต้ของเชียงใหม่ เชื่อมโยงไปถึงแม่ฮ่องสอน เป็นทั้งเส้นทางสู่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญด้วย ซึ่งชาวจอมทองเรียกร้องมานานกว่า 10 ปีเพื่อให้ได้ทางเลี่ยงเมือง โดยมีอดีต ส.ส.ณรงค์ ภูอิทธิวงศ์ ก็มาร่วมผลักดัน ทำให้ได้รับงบประมาณมาสำรวจออกแบบ ที่น่ายินดีขณะนี้คือ จากที่ประชุมครั้งก่อนชาวจอมทองได้เสนอให้เลือกก่อสร้างทางเลี่ยงเมือง ค.1 ก่อนซึ่งมีระยะทางสั้นและใช้งบประมาณไม่สูงมาก ทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า หากกรมโยธาธิการและผังเมืองประกาศผังเมืองรวมจอมทองต้นปี 2564 แล้ว ก็จะเสนอของบประมาณมาดำเนินการได้จะทำให้เกิดทางเลี่ยงเมืองสาย ค.1 (ในเขต อ.จอมทอง)ได้ภายในปี 2567 ซึ่งเราจะร่วมกันผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็วต่อไป


ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการกรรมสิทธิ์ที่ดิน และเศรษฐกิจ/สังคมร่วมกันชี้แจงว่า ทางเลี่ยงเมืองตามเส้นทาง ค.1 จะสามารถลงมือดำเนินการได้ทันที หลังจากกรมโยธาธิการและผังเมืองประกาศผังเมืองจอมทองแล้ว เพื่อจะเป็นทางรองรับยานพาหนะได้วันละ 1.3 หมื่นคัน เป็นทางเวนคืนกว้าง 40 เมตร มีเกาะกลางถนน และไหล่ทาง ผิวทางช่องละ 3.50 เมตรด้านละ 2 เลน เริ่มตั้งแต่ กม.ที่ 55 (ระหว่างดอย 2 ม่อนเล็กบ้านสันตึง) ด้านบนทางหลังสร้างเป็นสะพานไม่มีสัญญาณไฟ เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางเลี่ยงเมืองจะตัดผ่านทางชนบทสายจอมทอง-ท่าศาลา, และสายบ้านแท่นคำ 2 จุดตัดนี้จะสร้างเป็นวงเวนใหญ่ ตรงไปเชื่อมกับเส้นทางบ้านทุ่งหมากหนุ่มก่อนไปเชื่อมทางสาย 108 หน้าเทศบาลตำบลสบเตี๊ยะ รวม ระยะทาง 6.8 กม. การสำรวจเบื้องต้นบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 23 หลัง และส่วนใหญ่เป็นทุ่งนา รวมที่เวนคืน 379 แปลง 197 ไร่ 2 งานเศษ

สำหรับการเวนคืนนั้น เจ้าหน้าที่นิติกรชี้แจงว่า หากกรมทางหลวงได้รับอนุมัติให้ก่อสร้างทางสายนี้ และได้รับงบประมาณ ก็จะดำเนินการตามความเป็นจริง โดยยืนยันว่าทุกรายที่ได้รับผลกระทบจะได้รับทั้งอาคาร บ้าน ที่ดิน ไม้ผลไม้ยืนต้น เบื้องต้นคาดว่าน่าจะราว 300 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มที่เป็นไปได้ คือหากมีประกาศผังเมืองจอมทองปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า กรมทางหลวงก็จะของบประมาณปี 2565 มาจัดการเรื่องเวนคืนที่ดิน 379 แปลง ปี 2566 จะมีการก่อสร้าง และแล้วเสร็จอย่างเร็วที่สุดในปี 2567 ส่วนทางเลี่ยงเมืองสายใหญ่โครงข่ายคมนาคมฝั่งตะวันตก จ.ลำพูน จะดำเนินการต่อแล้วเสร็จในปี 2568


ผศ.วิวัฒน์ อังศุสิงห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมภาคประชาชน กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นว่า เส้นทางสาย ค.1 เร่งด่วนก็เหมาะสม และทางเลี่ยงเมืองสายใหญ่ก็เหมาะสม วันนี้ถือว่ามีความก้าวหน้า เพราะได้นำผลการสำรวจเส้นทางที่จะเวนคืน และก่อสร้าง มีบ้านเรือนใดที่ได้รับผลกระทบ จึงต้องประชุมชี้แจง 2 ช่วงเพื่อรับฟังปัญหาอย่างละเอียด จากนั้น น.ส.จันจิรา เกื้อด้วง ชี้แจงว่า เนื่องจากกรมโยธาธิการและผังเมืองมี พ.ร.บ.ผังเมืองฉบับใหม่ พ.ศ.2562 การประกาศผังเมืองทำได้เร็วขึ้น กรณีผังเมืองจอมทองผ่านการพิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าน่าจะประกาศได้ต้นปี 2564

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนชาวจอมทองที่สนใจเข้าประชุมได้แสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง โดยสรุปคือ มีความดีใจที่โครงการถนนเลี่ยงเมืองจอมทองจะเกิดขึ้นแน่นอนแล้ว โดยเริ่มต้นที่สาย ค.1 ก่อน ส่วนทางเลี่ยงเมืองโครงข่ายคมนาคมฝั่งตะวันตก จ.ลำพูน ที่จะตามมาก็ไม่ขัดข้อง ปัญหาสำคัญคือจะทำให้ช่วงเวลาที่รอคอยสั้นลงได้อย่างไร เพราะปัญหาความแออัดจราจร และอุบัติเหตุเกิดขึ้นมาก เกรงหลายคนจะไม่ทันได้ใช้ ขอให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งรัดโดยเร็วที่สุด นอกจากนั้นผู้เข้าประชุมยังขอบคุณนายณรงค์ ภูอิทธิวงศ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่สายใต้ ซึ่งมีวิสัยทัศน์เสนอโครงการสร้างทาง 4 เลนจากหางดง-ฮอดมาแล้ว และในปี 2561 ได้รับการร้องเรียนถึงความเดือดร้อนจำเป็นของชาวจอมทอง แล้วช่วยผลักดันให้ได้รับงบประมาณ 14 ล้านบาทมาสำรวจ-ออกแบบในครั้งนี้ จึงขอให้ช่วยผลักดันต่อไปเพื่อให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงเป็นประโยชน์ต่อชาวจอมทองโดยเร็ว

นายณรงค์ ภูอิทธิวงศ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ (สายใต้) กล่าวว่า ทางเลี่ยงเมืองจอมทองจะเกิดขึ้นแน่นอน แต่จะให้เร็วแค่ไหน เรื่องผังเมืองจะใช้กุญแจดอกไหนก่อนก็ค่อยว่ากันต่อไป ถนน 4 เลนที่ได้ผลักดันจากหางดงถึงฮอดนั้นได้คิดและทำมา 18 ปีแล้ว และยังเสนอทางเลี่ยงเมืองหางดง-สันป่าตองผ่านคลองชลประทานอีกด้วย แต่มาถึงปัจจุบันเมื่อรัฐเปิดสัมปทานระเบิดหิน-ดูดทราย มีการขนส่งวัสดุก่อสร้างผ่านเส้นทางนี้มาก จึงทำให้เกิดความแออัด ดังนั้นวันนี้ อยากฝากทุกคนว่า สาย ค.1 ที่จะเกิดขึ้นขอให้ร่วมกันค่อยๆแก้ไขเป็นอย่างๆไป ตนรับปากที่จะร่วมมือโดยไม่ได้คิดหวังผลประโยชน์ใด แม้แต่เรื่องการเมือง ก็จะดำเนินการต่อไป รวมทั้ง อดีต ส.ส.สุรพล และ ส.ส.ภูมิใจไทยก็ขอให้ร่วมกันสนับสนุนด้วย “ผมขอขอบคุณกรมทางหลวงมาก ที่ได้เร่งดำเนินการมาถึงขั้นตอนนี้ จากแบบที่เห็นก็ดีมากขอชื่นชมด้วยใจจริง เพราะการทำให้โครงการที่เป็นความต้องการของประชาชนได้สำเร็จ มีความสุข ทุกคนมีความสุข ผมก็สุข ขอให้ทำให้เป็นเหตุเป็นผลตามขั้นตอนต่อไป”

ร่วมแสดงความคิดเห็น