ยลโฉม “รถไฟฟ้าโมโนเรลขบวนแรกของไทย” พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ภายในปี 65

วานนี้ (1 ตุลาคม 2563) เวลา 12.15 น. ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีรับรถไฟฟ้าโมโนเรลขบวนแรก โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย – มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สําโรง โดยมี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พลเอก อนุพงษ์เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม นายสราวุธ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
แห่งประเทศไทย ผู้บริหารบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอก โมโนเรล จํากัด และบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จํากัด พร้อมด้วยผู้บริหารส่วนราชการในท้องที่ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางมาวันนี้ว่า เพื่อมาขับเคลื่อนเร่งรัดในการพัฒนาการเชื่อมต่อในการขนส่งคมนาคมทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ทั้งในพื้นที่ EEC และในพื้นที่ SEC ที่เตรียมการไว้เชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์อ่าวไทย-อันดามัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ประเทศไทย ต้องเร่งรัดให้ทันกับความต้องการในอนาคต ยืนยันรัฐบาลจะดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และประชาชนโดยรวมให้มากที่สุด ทุกคนต้องมี
การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 สงครามการค้า
และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง
ช่วงลาดพร้าว – สำโรง เป็นส่วนหนึ่งภายใต้นโยบาย PPP Fast Track ของรัฐบาล มีวัตถุประสงค์ เพื่อเร่งรัด
การดำเนินงานโครงการให้มีความรวดเร็ว รวมทั้งเปิดโอกาสให้เอกชนได้เข้าร่วมลงทุน ในโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ร่วมกับภาครัฐ การมารับขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู และสายสีเหลือง ถือเป็น “นิมิตหมายอันดียิ่ง” แสดงถึงความก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งของโครงการ นอกเหนือจากงานก่อสร้าง เชื่อมั่นว่า ทั้ง 2 โครงการจะเดินหน้าเต็มกำลัง ในการเตรียมความพร้อม สำหรับการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าโมโนเรลแก่ประชาชน ตามที่กำหนดไว้ให้บริการเต็มรูปแบบภายในปี 2022

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคมและขนส่งของประเทศ โดยกำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมได้ผลักดันให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง ย้ำสิ่งสำคัญ
ทุกภาคส่วนต้องทำความเข้าใจกับประชาชน และรณรงค์ให้คนมาใช้ให้มากขึ้น ดูแลประชาชนให้มากที่สุด
พยายามปรับราคาให้เหมาะสม และให้ประชาชนเข้าถึงบริการอย่างทั่วถึง

นายกรัฐมนตรี ขอขอบคุณกระทรวงคมนาคม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตลอดจนผู้ปฏิบัติงาน
ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันเร่งรัดการดำเนินโครงการรถไฟฟ้า ให้มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อประชาชนจะได้ใช้บริการรถไฟฟ้าโมโนเรลทั้ง 2 สายนี้ เดินทางจากพื้นที่เขตชานเมือง เชื่อมต่อเข้าสู่
ย่านใจกลางเมือง โดยสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ลดเวลาในการเดินทางมากยิ่งขึ้น ขอให้การดำเนินโครงการนี้ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ หวังว่าความสำเร็จของโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร
และปริมณฑลนี้จะเป็นต้นแบบสำหรับการพัฒนาโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในหัวเมืองภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไป เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนควบคู่กันไป

ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี มีแนวเส้นทาง
พาดผ่านตอนเหนือของกรุงเทพฯ ในแนวตะวันตก – ตะวันออก ระยะทางรวม 34.5 กิโลเมตร มีสถานีรถไฟฟ้า
ให้บริการรวม 30 สถานี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง มีแนวเส้นทางพาด
ในแนวเหนือ – ใต้ ทางฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ระยะทางรวม 30.4 กิโลเมตร มีสถานีรถไฟฟ้าให้บริการ
รวม 23 สถานี โดยได้รับการออกแบบให้เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือ Monorail แบบคร่อมราง บนทางวิ่ง
ยกระดับเหนือแนวเกาะกลางถนน ที่ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างน้อยกว่าระบบรถไฟฟ้ารางหนัก หรือ Heavy Rail เหมาะสมสำหรับการดำเนินงานก่อสร้างในพื้นที่ ที่มีความแออัด ในขณะเดียวกัน แนวเส้นทางของทั้งสองโครงการ
ยังสามารถทำหน้าที่เป็น Feeder ป้อนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายหลัก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการมีสถานีรถไฟฟ้าซึ่งเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายหลักจำนวนหลายแห่ง จะช่วยเติมเต็มโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น


สำหรับรถไฟฟ้าซึ่งจะนำมาวิ่งให้บริการ ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และสายสีเหลืองฯ เป็นรุ่น Bombardier Innovia Monorail 300 ควบคุมด้วยระบบอาณัติสัญญาณ CITYFLO 650 แบบไร้คนขับ ภายในห้องโดยสาร
ของขบวนรถมีอุปกรณ์ความปลอดภัยอย่างครบครัน โดยการส่งมอบขบวนรถจากผู้ผลิตมายังประเทศไทย
จะดำเนินการต่อเนื่องไปจนครบจำนวน 42 ขบวน สำหรับสายสีชมพูฯ และ 30 ขบวน สำหรับสายสีเหลืองฯ ภายในปี 2564 ควบคู่กับขั้นตอนการติดตั้งและทดสอบระบบ เพื่อสร้างความมั่นใจ และเตรียมความพร้อมสำหรับ
การเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในปี 2565

จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะผู้บริหาร ได้ร่วมกันตัดริบบิ้นรับรถไฟฟ้าโมโนเรลขบวนแรก ของโครงการรถไฟฟ้า
สายสีชมพูฯ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ พร้อมเยี่ยมชมขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรล ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้า
อีกขั้นของโครงการ นอกจากงานก่อสร้าง และเตรียมความพร้อมสู่การเปิดให้บริการแก่ประชาชน ในอนาคตอันใกล้นี้

ร่วมแสดงความคิดเห็น