กอปภ.ก. ประสาน 9 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันจากอิทธิพลพายุ “หลิ่นฟา” ในวันที่ 11 – 12 ต.ค.63

วันที่ 11 ต.ค. 63 เวลา 15.10 น. กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 9 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง ในช่วงวันที่ 11 – 12 ตุลาคม 2563 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัย และมีปริมาณฝนสะสม พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วเครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.)

โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาพอากาศและปริมาณฝนสะสมกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พายุโซนร้อน “หลิ่นฟา” ซึ่งเป็นพายุระดับ 3 ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองกวางงาย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามแล้ว โดยกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ทำให้ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้น มีฝนตกหนักบางพื้นที่ และมีลมแรง กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.)

โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสาน 9 จังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง ในช่วงวันที่ 11 – 12 ตุลาคม 2563 ได้แก่ มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี รวมถึงสั่งการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงและแนวโน้มสถานการณ์ภัยต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะจังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัย และมีปริมาณฝนสะสม รวมถึงพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ชุมชนเมือง พื้นที่ริมแม่น้ำ และที่ลาดเชิงเขา ที่อาจได้รับผลกระทบ อีกทั้งจัดชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) รถปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที ตลอดจนประสานหน่วยงานในพื้นที่ อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างการรับรู้และแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบสถานการณ์ภัยและแนวทางการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยผ่านทุกช่องทาง สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น