(มีคลิป) เปิดใจหนุ่มขับแกร็บ หลังถูกโซเชียลโจมตีปมตบหลังคารถ “หมอพรทิพย์” ยันทำตามหน้าที่ไม่มีเจตนาคุมคาม

วันที่ 12 ต.ค. 63 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีปมกระแสดราม่า ที่เกิดขึ้นบนโลกโซเชียล ถึงเหตุการณ์ที่ทางด้าน แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ได้มีการโพสต์เรื่องราวลงในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อช่วงค่ำคืนของวันที่ 3 ต.ค. 63 ที่ผ่านมา ขณะที่ทางเจ้าตัวได้เดินทางเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
ย่านถนนวัวลาย แล้วได้ระบุเล่าว่า มีชายหนุ่มชุดดำเข้ามาตบหลังคารถขณะที่กำลังจะจอดบริเวณริมถนนใกล้กับภัตตาคารตูลู่ ถ.นันทาราม ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมทั้งได้ไล่ให้รถของตัวเองไปจอดที่อื่น และแจ้งว่า
เดี๋ยววีไอพี จะเข้ามาจอด จนกระทั่งเหตุการณ์ดังกล่าว กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปอย่างต่อเนื่อง และต่อมาชายที่ปรากฏภายในคลิปก็ได้เดินทางเข้าพบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ในเวลาต่อมาทางชายคนดังกล่าวก็ได้มีการออกมาโพสต์ข้อความพร้อมทั้งคลิปวีดีโอ
ลงในเฟซบุ๊ก เพื่อระบายความในใจเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และต่อมาทางผู้สื่อข่าวก็ได้ติดตามเรื่องราว
ที่เกิดขึ้นจนกระทั่งทราบว่า ชายคนดังกล่าวที่ปรากฏในคลิปเหตุการณ์นี้ คือ นายอนุพงษ์ นันทนิคม อายุ 24 ปี
ซึ่งทราบว่าเจ้าตัวมีอาชีพขับแกร็บไบค์ พร้อมทั้งได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมด หลังจากที่ทางเจ้าตัวตกเป็นจำเลยสังคมถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระทำพฤติกรรม
ที่ไม่เหมาะสม และส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ จ.เชียงใหม่ ซึ่งทางเจ้าตัวยืนยันว่าที่ทำไปนั้นเพราะเป็นไปตามหน้าที่และข้อบังคับในการแก้ไขปัญหาจราจรในช่วงที่มีการจัดกิจกรรมถนนคนเดินวัวลายวันเสาร์ ที่บริเวณดังกล่าวจะมีการจราจรพลุกพล่านและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในช่วงค่ำคืนตามที่ปรากฏในโซเชียล

ทั้งนี้ทางด้าน นายอนุพงษ์ นันทนิคม เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุนั้นเป็นช่วงค่ำคืนของวันเสาร์ ซึ่งที่บริเวณนี้จะมีการจัดถนนคนเดิน โดยจุดเกิดเหตุวันนั้นมีรถมาจอด ซึ่งบริเวณนี้ตอนนั้นก็มีป้ายจราจรห้ามจอดวางอยู่ และตนก็ได้มีการโทรไปแจ้งกับทางศูนย์ประสานงานให้ประกาศว่า รถที่จอดบริเวณตรงนภาดลเนิสเซอรี่ ต้องมาเคลื่อนย้ายเนื่องจากว่า
มีรถวิ่งสวนทางกันไม่ได้ หลังจากที่ตนแจ้งกับทางศูนย์ประสานงานไม่เกิน 10 นาที รถของคู่กรณีก็ขับเข้ามาจอด
ที่ตรงบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนั้นก็มีป้ายห้ามจอดวางอยู่ตามเสาไฟ และป้ายดังกล่าวก็ไม่ได้วางเพียงวันที่เกิดเหตุ โดยตนที่ตนเข้าไปแจ้งกับคู่กรณี ซึ่งได้มีการสกิดท้ายรถ และไม่ได้มีการตบหลังรถอย่างที่มีการระบุในโพสต์
แต่อย่างใด และยังบอกกับทางคู่กรณีด้วยว่าที่บริเวณนี้จอดไม่ได้ ซึ่งขณะนั้นก็มีอาสาอีกคนเดินเข้าไปคุยต่อ
แต่หลังจากนั้นคู่กรณีก็ได้ย้ายรถไปจอดห่างจากจุดที่มีการพูดคุยกันไปช่วงหนึ่ง แต่ทางคู่กรณีได้ลงรถมาพูดจาไม่ดีกับตน ตนก็ไม่ได้พูดคุยด้วยและได้เดินออกมา แต่ตนก็ถูกตามมาถ่ายรูป จนกระทั่งกลายเป็นประเด็นดังกล่าว
เกิดขึ้นมา ซึ่งจากกรณีดังกล่าวก็ทำให้ตนได้รับผลกระทบ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ อีกทั้งยังมีผลกระทบ
ต่อการทำงานของตน จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ จึงอยากให้ทางสำนักข่าวหรือผู้สื่อข่าวที่ได้มีการนำข่าวไปเสนอ
ช่วยชี้แจงข้อเท็จจริงในส่วนนี้ด้วย

ขณะที่ทางด้าน รายจักรกฤษณ์ คะปุกคำ หัวหน้าชุดอาสาจราจร ชุดถนนคนเดินเชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่บริเวณจุดดังกล่าว โดยปกติแล้ว หากเป็นวันธรรมดา จะให้รถสามารถจอดได้ตามปกติยกเว้นเส้นขาวแดงที่เป็นจุดบังคับห้ามจอด และจากกรณีที่เกิดเหตุดราม่าขึ้นในวันนั้น คื อได้มีการจัดกิจกรรมถนนคนเดิน จุดดังกล่าวจึงได้มีการวางป้ายห้ามจอดตลอดทั้งแนว เนื่องจากต้องจัดระเบียบการจราจรของรถที่วิ่งสวนทางกัน หากไม่มีการวางป้ายเตือนไว้หากมีรถเข้ามาจอดรถที่สัญจรไปมาจะไม่สามารถวิ่งสวนทางกันได้ ดังนั้นจึงมีมติว่าจะต้องวางป้ายแจ้งว่าห้ามจอดตลอดทั้งแนว แต่กรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นมานี้นั่น เนื่องจากรถที่ตกค้างจากการที่ทางเจ้าหน้าที่กำลังไล่เคลียร์รถออก
ทีละคัน และเป็นจังหวะที่รถของคู่กรณีที่กลายเป็นประเด็นบนโซเชียล และมีการระบุว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาเพื่อขโมยรถ ซึ่งตรงจุดนี้ตนยืนยันว่าไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากตนเป็นคนสั่งการในการปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าวและตนได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่อาสา 1 นาย เข้ามาดูแลพื้นที่ และมีน้องที่ปรากฏเป็นข่าวเข้ามาช่วย เนื่องจาก
เคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่อาสาจราจรที่เคยปฏิบัติงานและรับผิดชอบที่จุดดังกล่าว แต่ตอนที่เกิดเหตุนั้นเค้าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่แล้ว แต่มาช่วยด้วยจิตอาสา จนกระทั่งกลายเป็นประเด็นขึ้นมา ตนจึงอยากชี้แจงว่าตรงพื้นที่ดังกล่าว แม้ว่าไม่ใช้จุดขาวแดง แต่ก็มีป้ายบังคับห้ามจอดแจ้งบังคับอยู่ ซึ่งสามารถใช้แทนได้ในการบังคับใช้จัดระเบียบจราจร
และมีการวางแจ้งไว้เป็นระยะ เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้รถทราบว่าห้ามจอดตลอดทั้งแนว แต่ในวันดังกล่าวรถคู่กรณีได้เข้ามาจอดทั้งที่มีการวางป้ายแล้ว และยังเกิดกระแสดราม่าจนทำให้น้องที่ปรากฏในภาพเกิดถูกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์จนเกิดความเสียหาย ซึ่งตรงจุดนี้ตนจึงอยากให้ผู้ติดตามข่าวได้เข้าใจกรณีที่เกิดขึ้นด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น