จากกรณีเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2563 เป็นต้นมา ควายของชาวบ้าน บ้านแม่ลายใต้ หมู่ 6 ต.บ่อหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ได้ป่วยล้มตายมาเรื่อย ๆ วันละตัว 2 ตัว มาจนถึงวันที่ 20 ต.ค. 2563 รวมจำนวนทั้งสิ้น 10 ตัวแล้ว ค่าเสียหายประมาณ 250,000 บาท ทางเจ้าของควายได้ร้องขอ นายสิงห์ทอง ดีคำ สมาชิก ทต.บ่อหลวง อ.ฮอด นำรถแทรกเตอร์ไปขุดหลุมฝัง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าวก่อนหน้า : โรคระบาดวัว-ควาย ทำนักเปิบลาบ-ส้า ผวา !
ข่าวคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อบ่ายวันที่ 20 ต.ค. 2563 นายสุรชาติ ใจตุ้ย นายก ทต.บ่อหลวง ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่าควายที่ป่วยตายเป็นของครอบครัว นายโน๊ะ ปู่ทอง อยู่บ้านเลขที่ 327 หมู่ 6 บ้านแม่ลายใต้ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเลี้ยงควายทั้งหมด จำนวน 22 ตัว และเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2563 ควายได้ป่วยตายมาเรื่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงได้รายงานให้ สำนักงานปศุสัตว์ อ.ฮอด และสำนักงานปศุสัตว์ จ.เชียงใหม่ ทราบเรื่อง พร้อมกันนี้ได้แนะนำให้ นายโน๊ะ เจ้าของควายและชาวบ้านไม่ควรชำแหละเนื้อควายมาบริโภค ให้นำซากควายไปฝั่งกลบ นอกจากนี้ ให้กักกันควายที่เหลือไว้ในคอกห้ามเคลื่อนย้าย เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่ระบาดไปที่อื่น ประกอบกับมีชาวบ้านเลี้ยงควายกันในพื้นที่ ต.บ่อหลวง เป็นจำนวนหลายตัว
ซึ่งเมื่อเช้าวันนี้ (20 ต.ค. 2563)ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฯ ทต.บ่อหลวง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จ.เชียงใหม่, เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อ.ฮอด, ผู้ใหญ่บ้านแม่ลายใต้ และนายสิงห์ทอง ดีคำ สท.บ่อหลวง เดินทางไปยังบ้านของนายโน๊ะ พบว่ามีควายเหลือเพียง 12 ตัว จาก 22 ตัว อยู่ในอาการป่วยหนัก ทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ฯ ได้ทำการพ่นยาฆ่าเชื้อโรค และฉีดยาให้กับควายที่กำลังป่วยหนัก พร้อมกันนี้ได้นำชิ้นเนื้อของควายที่เสียชีวิต ไปทำการตรวจว่ามาจากเชื้อโรคชนิดใด
และเป็นที่น่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่งกับนายโน๊ะ และครอบครัวต่างร่ำไห้ที่ควายป่วยล้มตายไปถึง 10 ตัว และที่เหลืออีก 12 ตัว อยู่ในอาการป่วยหนัก ทำให้ครอบครัวแทบหมดเนื้อหมดตัว อย่างไรก็ตามทาง นายสุรชาติ ใจตุ้ย นายก ทต.บ่อหลวง จะได้ดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ ให้การช่วยเหลือครอบครัวของนายโน๊ะ กันต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็น