ป.ป.ช. แถลงคดีดังลำพูน “แคร์เซ็ต” อบจ.ทุจริตจริง โทษหนักทั้งวินัยและอาญา

ผู้สื่อข่าวรายงาน นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้
แถลงกรณีเรื่องกล่าวหา นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ลำพูน กับพวกร่วมกันทุจริตจัดซื้อชุดของใช้ประจำวัน (แคร์เซ็ต) วงเงิน 16,343,000 บาท ในโครงการป้องกันผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยเรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้น เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อ 31 มีนาคม 2563 จ.ลำพูน ได้ประชุมคณะกรรมการ โดยมี ผวจ.ลำพูน (ปัจจุบันย้ายไปทำหน้าที่ ผวจ.ตาก) เป็นประธานที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ อบจ.ดำเนินการจัดซื้อจำนวน 27,700 คน ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป เป็นผู้ใช้สิทธิหลักประกันถ้วนหน้า และไม่อยู่ในสิทธิหลักประกันของราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือประกันสังคมจัดซื้ออุปกรณ์ 13 รายการ

ต่อมาในวันเดียวกัน อบจ.ลำพูน ได้อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม ประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 17,174,000 บาท โดยไม่มีการสืบหาราคาชุดของใช้ประจำวัน ซึ่งการขออนุมัติโครงการ มีการผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ประกอบด้วย นายดรุณพัฒน์ อินดี รองปลัด อบจ.ลำพูน, นางสุดสงวน จักร์คำ รองปลัด อบจ.ลำพูน, นายเสริมชัย ลี้เขียววงศ์ ปลัด อบจ.ลำพูน, นายมนู ศรีประสาท รองนายก อบจ.ลำพูน, จนถึงนายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายก อบจ.ลำพูน โดยข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายนิรันดร์ฯ และผู้บริหารของ อบจ.ลำพูน ต้องการให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป เทรดดิ้ง เป็นคู่สัญญาในการจัดซื้อในโครงการดังกล่าว และมีการกระทำ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป เทรดดิ้ง

ดังนี้ ในขั้นตอนการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะ และราคากลาง นายเทวินทร์ วิธี ได้ส่งเอกสารใบเสนอราคาของห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป เทรดดิ้ง, ร้านรุ่งทิพ เอ็นเตอร์ไพร์ท และห้างหุ้นส่วนจำกัด เพิ่มพูนโชค ซึ่งเป็นห้างและร้านในกลุ่มเดียวกัน และมีนายเทวินทร์ วิธี เป็นผู้ดำเนินการแทนห้างร้านดังกล่าวทั้งหมด นำมาใช้ในการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะ และราคากลางชุดของใช้ประจำวัน ราคาชุดละ 590 บาท โดยมิได้มีการสืบราคาจากผู้มีอาชีพในท้องตลาดจริง

ต่อมานายมนู ศรีประสาท รองนายก อบจ.ลำพูน ปฏิบัติราชการแทนนายก อบจ.ลำพูน ได้อนุมัติเห็นชอบคุณลักษณะ
และราคากลางดังกล่าว และพนักงานของนายเทวินทร์ วิธี ได้นำตัวอย่างสินค้าซึ่งบรรจุในถุงซิปล็อคพร้อมสติกเกอร์ มาให้นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายก อบจ.ลำพูน ตรวจดูในขั้นตอนการจัดซื้อ คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีเฉพาะเจาะจง ได้มีหนังสือเชิญไปยังห้าง/ร้าน 5 แห่ง ซึ่งเป็นห้าง/ร้าน ในกลุ่มเดียวกันและมีความสัมพันธ์กับห้างหุ้นส่วนจ ากัด พี.พี. กรุ๊ป เทรดดิ้ง โดยนายเทวินทร์ วิธี ได้นำห้าง/ร้าน 3 ราย มายื่นเสนอราคาประกอบด้วย ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป เทรดดิ้ง, ร้านรุ่งทิพเอ็นเตอร์ไพร์ท และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เพิ่มพูนโชค ซึ่งทั้ง 3 ราย ได้เสนอราคารวม 16,343,000 บาท หรือชุดละ 590 บาท เท่ากัน  และอบจ.ลำพูนได้เลือกและเร่งรัดให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป เทรดดิ้งได้เป็นคู่สัญญาตามบันทึกข้อตกลงซื้อขาย เลขที่ 53/2563 ลงวันที่ 7 เมษายน 2563 จำนวนเงิน 16,343,000 บาท

โดยนายกำธร เนตรผาบ รองนายก อบจ.ลำพูน ปฏิบัติราชการแทนนายก อบจ.ลำพูน เป็นผู้ลงนามอนุมัติ
สำหรับราคาชุดของใช้ประจำวัน (แคร์เซ็ต) จำนวน 13 รายการนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่าราคาต้นทุนของห้างหุ้นส่วน
จำกัด พี.พี. กรุ๊ป เทรดดิ้ง มีต้นทุนของราคาสินค้าชุดละประมาณ 234.24 บาท และจากการสืบราคาจากห้าง/ร้าน ที่จำหน่ายสินค้าใน จ.ลำพูน 25 ร้านค้า พบว่าราคาเฉลี่ยชุดของใช้ประจำวัน มีราคาเฉลี่ยเพียงชุดละ 315.45 บาท
ดังนั้น การจัดซื้อของ อบจ.ลำพูน จึงเป็นการจัดซื้อในราคาที่สูงกว่าในท้องตลาด และทำให้ อบจ.ลำพูน ได้รับความเสียหาย เป็นเงินประมาณ7.6 ล้านบาท

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า “การกระทำของ นายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายก อบจ.ลำพูน, นายกำธร
เนตรผาบ รองนายก อบจ.ลำพูน, นายมนู ศรีประสาท รองนายก อบจ.ลำพูน, นายเสริมชัย ลี้เขียววงศ์ ปลัด อบจ.ลำพูน, นางสุดสงวน จักร์คำ รองปลัด อบจ.ลำพูน และนายดรุณพัฒน์ อินดี รองปลัด อบจ.ลำพูน มีมูลความผิดฐานเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, มาตรา 157 และเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10, มาตรา 12 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 172”

นอกจากนี้ การกระทำของนายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์, นายกำธร เนตรผาบ, นายมนู ศรีประสาท ยังมีมูลความผิดฐานมี
พฤติการณ์การกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ อบจ. พ.ศ. 2540 มาตรา 77 และการกระทำของนายเสริมชัย ลี้เขียววงศ์, นางสุดสงวน จักร์คำ และนายดรุณพัฒน์ อินดี มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการกลางข้าราชการ อบจ.ลำพูน เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย พ.ศ. 2558 ข้อ 7, 10

สำหรับกลุ่มเอกชนได้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป เทรดดิ้ง, น.ส.ณัฐวรรณ รัตนคำนวณ หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้น
ส่วนจำกัด พี.พี. กรุ๊ป เทรดดิ้ง, นายเทวินทร์ วิธี, ห้างหุ้นส่วนจำกัด เพิ่มพูนโชค, นายนิกร ญาณโรจน์ หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด เพิ่มพูนโชค และ นางรุ่งทิพ ทุนอินทร์ เจ้าของร้านรุ่งทิพ เอ็นเตอร์ไพร์ท มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐในความผิดดังกล่าวข้างต้น และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4

ทั้งนี้ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำ
เนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานและคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้ง ถอดถอนพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้แจ้งผู้ว่าราชการ จ.ลำพูน ดำเนินการหาผู้รับผิดทางละเมิดต่อไป จึงแถลงมาให้ทราบโดยทั่วกัน

ทีมข่าวตรวจสอบบทกำหนดโทษทางอาญา บางมาตรา พบว่า เฉพาะมาตรา 151 ระบุว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มี
หน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาลสุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาท ถึง 4 แสนบาท” เป็นต้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น