(มีคลิป) รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่การขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันที่ จ.ลำพูน

เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 63 ระหว่างเวลา 14:00 น. – 15:39 น. ณ ห้องประชุมจามเทวี ศาลาประชาคม ศาลากลาง จ.ลำพูน ถนนอินทยงยศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.กระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด ลงพื้นที่ จ.ลำพูน เพื่อมอบนโยบายและแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน และรับฟังปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของ จ.ลำพูน และรับฟังบรรยายสรุปปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของ จ.ลำพูน พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการ อาทิ โครงการไทยไปด้วยกันจังหวัดลำพูน ,โครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีบ้านแพะ ต.บ้านธิ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ,โครงการ Young Smart Farmer และเกษตรมูลค่าเพิ่ม ,เส้นทางสู่ความสำเร็จ จ.ลำพูน ชนะเลิศจังหวัดสะอาด ระดับประเทศ 3 ปีซ้อน ,การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฏีใหม่ประยุกต์ สู่ โคก หนอง นา โมเดล จังหวัดลำพูน โดยมี นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผวจ.ลำพูน พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ,นายอำเภอ ,คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับ จ.ลำพูน ,ผู้แทนภาคเอกชน ,ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

จังหวัดลำพูนได้จัดทำ 2 ประเด็นเร่งด่วนที่ควรดำเนินการทันที ประกอบด้วย                                                                                1.การบริหารจัดหารน้ำเพื่อการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของจังหวัดลำพูน จากสถานการณ์ภัยแล้งเป็นปัญหาที่สำคัญของ จ.ลำพูน และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา และคาดว่าจะเกิดสถานการณ์ต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2564 สถานการณ์ภัยแล้งในเขตพื้นที่ จ.ลำพูน ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่ภาคการเกษตร เช่น ลำไย มะม่วง ข้าว เท่านั้น แต่ส่งผลกระทบโดยรวมไปจนถึงความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งภาคอุตสาหกรรม โดย จ.ลำพูน เป็นศูนย์กลางของภาคอุตสาหกรรมของภาคเหนือ การขาดแคลนน้ำในนิคมอุตสาหกรรมจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อระบบการผลิต และความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมด้วย ในฐานะผู้แทนภาคเอกชน เห็นว่าการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำทั้งในภาคการเกษตร การอุปโภคบริโภคและภาคอุตสาหกรรม ถือเป็นปัญหาที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขและกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการ โดยมีหัวข้อหลักจำนวน 3 ข้อ ได้แก่ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคนิคมอุตสาหกรรม ,โครงการสำคัญเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกษตรและอุปโภคบริโภค ,การบริหารจัดการชุมชนน้ำสู่ความยั่งยืน

2. ประเด็นการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างยั่งยืน สำหรับปัญหามลพิษหมอกควันที่ปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือ และ จ.ลำพูน สาเหตุส่วนหนึ่ง เกิดจากไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวน การเผาเศษวัชพืชเพื่อเตรียมพื้นที่ทางการเกษตร การผาป่าเพื่อหาของป่าของชาวบ้านในพื้นที่จนส่งผลต่อคุณภาพอากาศในพื้นที่ ทำให้มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 10 และ PM 2.5) มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเกินค่ามาตรฐานส่งผลกระทบทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ และสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ การขับขี่ยานพาหนะ การขึ้น – ลงของอากาศยาน การท่องเที่ยว เศรษฐกิจการค้า การลงทุนและสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่

ต่อมาเวลา 16:17 น. ที่วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.กระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ฯ ได้มากราบไหว้สักการะบูชาองค์พระธาตุหริภุญชัย พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองลำพูน ใน “เทศกาลโคมแสนดวง ที่เมืองลำพูน” เนื่องในงานประเพณียี่เป็งเมืองลำพูนระหว่างวันที่ 6 – 31 ต.ค. 63 และกราบนมัสการพระเทพรัตนนายก เจ้าคณะจังหวัดลำพูน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัยฯ เพื่อถวายผ้าห่มองค์ระธาตุหริภุญชัย เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และเดินทางกลับในเวลา 16:55 น.

ทั้งนี้ จ.ลำพูน จัดเทศกาล ” โคมแสนดวงที่เมืองลำพูน ” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 31 ต.ค. 63 ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร และ ลานอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน และในวันที่ 29 ต.ค. 63 นี้ จะมีพิธีถวายโคมแด่องค์พระธาตุหริภุญชัย ในงาน “เทศกาลโคมเเสนดวงที่เมืองลำพูน” อีกด้วย

เทศกาล “โคมเเสนดวงที่เมืองลำพูน” เป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของชาวจ.ลำพูนให้คงอยู่สืบไป สำหรับงานเทศกาล “โคมแสนดวงที่เมืองลำพูน” จัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาต่อองค์พระธาตุเจ้าหริภุญชัย และถวายเพื่อเคารพสักการะพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งเมืองลำพูนนั้น เพื่อเป็นการรักษาต่อยอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน สืบสานประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นอันดีงาม ที่สร้างพลัง สร้างแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไปที่มีต่อองค์พระบรมธาตุเจ้าหริภุญชัย พระนางจามเทวี ฟื้นฟู สืบสาน และต่อยอดมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น เกี่ยวกับการผลิตโคมล้านนา พร้อมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ลำพูนเป็นนครแห่งทุนวัฒนธรรมชุมชน ก่อให้เกิดรายได้กระจายสู่ชุมชนและทุกภาคส่วน อันนำไปสู่การท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรมในจังหวัด โดยให้เป็นเมือง รุ่งเรือง ร่มเย็นและเป็นสุข

ร่วมแสดงความคิดเห็น