สมศักดิ์-ป.ป.ส. เดินหน้า เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินคดีสมคบ ล็อคเป้ายึดทรัพย์ยาเสพติดมากขึ้น 10 เท่า

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการผู้บริหารหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินคดีความผิด ฐานสมคบหรือสนับสนุนช่วยเหลือการกระทําผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จัดขึ้นโดย สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ระหว่างวันที่ 9 – 10 พฤศจิกายน 2563 ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ประกอบด้วย นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. อธิบดีอัยการภาค 1-9 ผู้บัญชาการตํารวจปราบปรามยาเสพติด ผู้บัญชาการตํารวจนครบาล ผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ผู้บัญชาการตํารวจภูธร ภาค 1 – 9 อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขาธิการ ปปง. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. รวมจำนวนกว่า 60 คน ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพมหานคร


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า จากการตรวจสอบและริบทรัพย์สินที่ผ่านมาในแต่ละปี หากคำนวณจากปริมาณยาเสพติดที่แพร่ระบาดอยู่มาเป็นตัวเงินจะมีมูลค่ามากถึงหลักล้านล้านบาท แต่ในปีหนึ่งๆ เราสามารถยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดได้เพียงหลักพันล้านบาทเท่านั้น จากหลักคิดดังกล่าวจึงนำมาสู่แนวทางใหม่ในการยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดและขยายผลไปยังเครือข่ายการค้า โดยผมได้ตั้งเป้าหมาย ให้สามารถยึดทรัพย์สินให้ได้มากกว่าเดิม ๑๐ เท่า ซึ่งการดำเนินคดีความผิดฐานสมคบและสนับสนุนช่วยเหลือการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น คือ การดำเนินคดีของคนที่ร่วมกระบวนการ ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีวัตถุประสงค์ที่จะใช้กับนายทุนที่อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติด ในลักษณะถอนรากถอนโคน จึงเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการดำเนินการขยายผลยึดทรัพย์สินผู้กระทำผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับมาตรการฟอกเงินและภาษี


ด้านนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การดำเนินคดีความผิดฐานสมคบหรือสนับสนุนช่วยเหลือฯ กฎหมายบัญญัติให้ขออนุมัติต่อเลขาธิการ ป.ป.ส. เพื่อพิจารณากลั่นกรองพยานหลักฐานก่อนที่จะไปดำเนินการต่อผู้กระทำความผิด ซึ่งที่ผ่านมามีการยื่นคำขออนุมัติดำเนินคดีในฐานความผิดดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และมีคณะที่ทำหน้าที่พิจารณาที่ส่วนกลาง 1 คณะ การรวมศูนย์ในการพิจารณาคดีจากทั้งประเทศอยู่ที่ส่วนกลางจึงอาจเกิดความล่าช้า ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เล็งเห็นถึงความข้อบกพร่องดังกล่าว ประกอบกับนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้ไว้เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2563 มอบหลักสำคัญในการทำงาน โดยให้ทุกฝ่ายทบทวนหาข้อบกพร่อง เพื่อแก้ไขปรับปรุง และขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ทางด้านข้อกฎหมายและทำงานร่วมกันในรูปแบบคณะทำงานพิเศษเพื่อลดการทำงานในลักษณะต่างคนต่างปฏิบัติ


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะประธาน/ผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ จึงได้มีคำสั่ง ศอ.ปส. ที่ 15/2563 และคำสั่ง ศอ.ปส. ที่ 21/2563 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ฯ ขึ้นอีก 10 คณะแยกตามรายภูมิภาค ประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ โดยมีอธิบดีอัยการภาคเป็นประธาน และมีผู้แทน ตำรวจ ป.ป.ส. และผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกันพิจารณากลั่นกรองพยานหลักฐานในรูปแบบของคณะอนุกรรมการ ซึ่งผลการดำเนินการในห้วงที่ผ่านมาพบว่ามีการพิจารณาที่รวดเร็วขึ้นและ การพิจารณากลั่นกรองพยานหลักฐานมีความรอบคอบรัดกุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งการประชุมวันนี้ เป็นการประชุมระดับผู้บังคับบัญชา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ตามคำสั่งดังกล่าว ให้เกิดการขยายผลเครือข่าย ผู้อยู่เบื้องหลังให้เกิดสัมฤทธิผล

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวในตอนท้ายว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายการแก้ไขปัญหา ยาเสพติดของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ได้มุ่งเน้นให้มีการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นพฤติการณ์ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน สำนักงาน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง

ร่วมแสดงความคิดเห็น