(มีคลิป) เชียงใหม่-ชาวเขาเผ่าปะหล่อง-กะเหรี่ยง-ดาราอั้ง ร่วมขอขมาพระแม่โพสพ ก่อนลงมือเกี่ยวข้าวในแปลงนาอินทรีย์ 15 ไร่ เพื่อใช้เลี้ยงช้างของปางช้างแม่สากว่า 78 เชือก

ข้าวในแปลงนา 15 ไร่ ภายในเดอะช้าง วิลเลจ ของปางช้างแม่สา ในบ้านโต้งหลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ กำลังชูช่อเหลืองอร่ามพร้อมเก็บเกี่ยว หลังจากเริ่มปลูกเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยวันนี้ ( 22 พ.ย.) นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปางช้างแม่สา จำกัด ได้ทำพิธีขอขมาพระแม่โพสพ ก่อนเริ่มเกี่ยวข้าว  โดยมีนายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการ จ.แพร่ พนักงานเดอะช้างวิวเลจ และ ชนเผ่าดาราอั้ง ปะหล่อง          และปกาเกอะญอ หรือ กะเหรี่ยง กว่า 50 คน สวมชุดชนเผ่า ร่วมในพิธี

จากนั้นทั้งหมดได้ร่วมกับเกี่ยวข้าวในแปลงนา เพื่อนำผลผลิตข้าวเหนียวอินทรีย์ที่ได้ทั้งหมด ไปเลี้ยงช้างในปางช้างแม่สา และเดอะช้างวิลเลจทั้ง 78 เชือก นางอัญชลี เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ส่งผลกระทบทำให้ปางช้างแม่สา และหมู่บ้านเดอะช้างวิลเลจ หรือเดิมชื่อ หมู่บ้านโต้งหลวง ได้รับผลกระทบ การท่องเที่ยวหยุดชะงักนักท่องเที่ยวกลายเป็นศูนย์ แต่ในหมู่บ้านยังมีชนเผ่าปะหล่อง และปกาเกอะญอ ที่เป็นกลุ่มคนเลี้ยงช้างอาศัยอยู่หลายครอบครัว ปางช้างแม่สา จึงปรับเปลี่ยนรูปแบบหันมาพึ่งพาตัวเองตาม หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง    ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อปลูกข้าว และพืชผักไว้เป็นคลังอาหาร สำหรับเลี้ยงคน และส่วนหนึ่งใช้เลี้ยงช้างที่มีอยู่ทั้งหมด 78 เชือก

โดยอาหารหลักของช้างกว่าร้อยละ 70 คือ หญ้า กล้วย และอ้อย ส่วนอีกร้อยละ 30 เป็นอาหารเสริม คือ ข้าวเหนียวนึ่งคลุกเกลือ ซึ่งแต่ละวันช้างต้องกินข้าวเหนียวอย่างต่ำวันละ 1 กระสอบ ผลผลิตที่เราได้วันนี้ไม่ต่ำกว่า 300 กระสอบ สามารถดูแลช้างไปได้ราว 3 – 4 เดือน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้กว่า 1 แสนกว่าบาท สำหรับผลผลิต  ข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตองที่ปลูกในแปลงนาทั้งหมด ไม่ใช่สารเคมี ใช้ปุ๋ยมูลช้างอินทรีย์ในการบำรุงต้นกล้า             จึงเป็นข้าวเหนียวอินทรีย์ เพราะเราใช้ในการเลี้ยงช้าง จึงต้องปลอดภัย

ร่วมแสดงความคิดเห็น