สมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) และองค์กรเครือข่ายสี่ภูมิภาค คัดค้านการสรรหาผอ.สกสค.จังหวัด 64 จังหวัดส่อไปในทางทุจริต

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 สมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย(ส.ค.ท. )และองค์กรเครือข่าย 4 ภูมิภาคประกอบด้วยสหพันธ์ครูภาคเหนือ ชมรมครูภาคกลาง ชมรมครูประชาบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือและสมาพันธ์ครูภาคใต้ จัดให้มีการประชุม


คณะกรรมการบริหารส.ค.ท.ขึ้นที่โรงเรียนบ้านแม่หวาน อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับทราบข้อมูล       และข้อร้องเรียนจากผู้ได้รับผลกระทบจากการสรรหาผอ.สกสค.จังหวัดดังกล่าว ที่ประชุมจึงมีมติคัดค้านผลการสรรหาผู้อำนวยการสกสค.จังหวัด 64 จังหวัด ซึ่งมีข้อมูลพึงเชื่อได้ว่ากระบวนการสรรหาและผลการสรรหาส่อไปในทางทุจริต และเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง โดยมีการตั้งข้อสังเกตดังนี้

ตามที่สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ดำเนินการสรรหาผู้อำนวยการสกสค.จังหวัด 64 จังหวัดที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี โดยรับสมัครระหว่างวันที่ 28 ตุลาคมถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน ดำเนินการสอบสัมภาษณ์เมื่อ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 และประกาศผลการสรรหาเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563


เริ่มจากการออกประกาศว่าด้วยการสรรหาที่เอื้อต่อพรรคพวกและกลุ่มผลประโยชน์ ส่งผลให้ผู้ที่ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งผอ. สกสคแต่ละจังหวัด มีถึง18ตำแหน่งเป็นเครือข่ายของผู้บริหารสนง.สกสค.ทั้งสิ้น ในข้อเท็จจริงและแนวทางปฏิบัติสมควรที่จะให้บุคคลหรือบุคลากรในพื้นที่แต่ละจังหวัด ได้มีโอกาสเข้าทำหน้าที่ในเป็นผอ.สกสค.จังหวัด เพื่อให้บริการผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษาทั้งในประจำการและนอกประจำการ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผลอย่างแท้จริง เนื่องจากมีความคุ้นเคยและทราบบริบทการทำงานของแต่ละจังหวัดดี แต่กลับเปิดทางให้บุคคลที่อยู่นอกพื้นที่อยู่ต่างจังหวัดไม่เคยสัมผัสกับครูและบุคลากรทางการศึกษาในจังหวัดนั้นมาเลย โดยกลุ่มบุคคลที่ได้รับการสรรหาครั้งนี้ส่วนใหญ่อยู่ในเครือข่ายของกลุ่มผู้บริหารสนง.สกสค. ซึ่งเป็น


กลุ่มบุคคลที่อดีตและปัจจุบันเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงและผูบริหารระดับจังหวัดซึ่งเป็นเครือข่ายของผู้มีอำนาจและกลุ่มผลประโยชน์ได้รับการสรรหาเข้าไปทำงานในพื้นที่ที่ไม่ใช่ภูมิลำเนาของตนเองถึง 18 จังหวัดแสดงให้เห็นว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานสกสค.ในการกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้สนใจหัวอกของครูและบุคลากรในแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัด แต่จงใจที่จะให้กลุ่มบุคคลในเครือข่ายและพรรคพวกของตนเองเข้าไปปฏิบัติงาน ดังนั้นการดำเนินการสรรหา ผอ. สกสค.ครั้งนี้ส่อไปในทางทุจริต

ซึ่งทางส.ค.ท.จะดำเนินการส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่กำกับดูแลสำนักงานสกสค.และคณะกรรมาธิการการศึกษา ได้ดำเนินการสอบหาข้อเท็จจริงให้เป็นที่ประจักษ์เพื่อเป็นการไขข้อข้องใจผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น