รพ.น่าน ย้ำโควิด 19 มาใกล้ตัว ทุกคนต้องป้องกันเคร่งครัดใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ ต้องทำอย่างจริงจัง

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563  จากข่าวกระทรวงสาธารณสุข (1 ธันวาคม 2563) พบผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่ จ.เชียงใหม่ 1 ราย และ จ.เชียงราย 3 ราย เป็นการเดินทางลักลอบเข้าประเทศ ซึ่งสถานการณ์ที่ จ.เชียงใหม่และเชียงราย อยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ เหตุติดตามผู้สัมผัสได้เร็ว ยังไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่

โรงพยาบาลน่าน เป็นห่วงสุขภาพของพี่น้องประชาชน และเมื่อพบผู้ป่วยโรคโควิด 19 ในเขตจังหวัดภาคเหนือ ซึ่งเป็นจังหวัดใกล้เคียงกับจังหวัดน่าน เป็นเขตพื้นที่ที่มีผู้เดินทางสัญจรไปมาหาสู่กันเป็นประจำ ทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้น รวมทั้งที่ผ่านมาการระบาดของโรคโควิด 19 มีสถานการณ์ที่ดีขึ้น ทำให้หลายคนชะล่าใจไม่ปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เช่น การล้างมือ จากการสำรวจ คนน่านล้างมือบ่อยครั้ง ลดลงเหลือเพียง 66 %

ในการนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ของพี่น้องประชาชนชาวน่านให้มีความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ จึงขอเน้นย้ำการป้องกันโรคโควิด 19 ที่สำคัญ ตามหลัก “ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ” และมาตรการอื่นๆ ดังนี้

  1. ใส่หน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า ทุกครั้ง เมื่อออกจากบ้าน หรือต้องเข้าไปในบริเวณที่ชุมชน พื้นที่สาธารณะ หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ผู้คนแออัด หนาแน่น
  2. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์ล้างมือ นาน 20 วินาที
  3. เว้นระยะห่างจากบุคคลอื่น อย่างน้อย 1- 2 เมตร
  4. หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยง หากจำเป็นจริงๆ ต้องป้องกันตัวเองตามมาตรการข้างต้นอย่างเคร่งครัด
  5. เคร่งครัดการใช้แอปพลิเคชัน  “ไทยชนะ” เพื่อลงทะเบียนเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานพื้นที่สาธารณะ
  6. ติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น ข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข  หน่วยงานภาคราชการ สื่อสารมวลชน อย่างต่อเนื่อง ยกเว้นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น / บุคคลทั่วไปที่ไม่มีความเสี่ยง ไม่ได้ไปสถานที่เดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน ไม่ได้สัมผัส พูดคุย ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ หรือ ต่ำมาก / ไม่ต้องกักตัว…แต่ มาตรการที่ต้องเข้มข้นทุกคน คือ ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ…อันนี้การ์ดอย่าตกครับ

ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลโรคโควิด-19 ได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน โทรศัพท์ 084-2128070 / โรงพยาบาลน่าน โทร 054-719000 /สายด่วน 1669 หรือที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

ร่วมแสดงความคิดเห็น