ลุ้น! ผลสรุปประเทศ ในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ วันนี้ 24 ธันวาคม 2563

23 ธ.ค.2563 – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ถึงสถานการณ์โควิด19 ว่าสถิติการติดเชื้อใหม่รายวันเริ่มลดลง เนื่องจากเราได้มีการตรวจสอบและควบคุมพื้นที่มากขึ้น สิ่งใดที่เป็นอุปสรรคปัญหา ได้ไล่เรียงทุกหน่วยงานไปแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร สิ่งที่หน้าเป็นห่วงคือ ถ้าเราวิเคราะห์ดูแล้วต้นทางสาเหตุขั้นต้นมาจากแรงงานต่างด้าว ผู้ที่ถูกกฎหมายอยู่ในประเทศไทยมานานแล้วไม่มีปัญหา เว้นแต่ผู้ที่ลักลอบเราต้องขจัดกระบวนการลักลอบให้ได้มากที่สุด ตอนนี้กังวลแรงงานที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนมีการหลบเลี่ยง มีการจ้างงานโดยผู้ที่เห็นแก่ตัว เป็นการจ้างงานโดยไม่ต้องจ่ายค่าแรงตามกำหนด รับแรงงานพวกนี้เข้ามาด้วยการมีขบวนการนำส่งเข้ามา วันนี้กำลังรื้อทั้งหมด และติดตามขบวนการเหล่านี้

ขอบคุณภาพ : www.thaigov.go.th

นายกฯ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่กังวลมีเรื่องเดียวตอนนี้ ในบางโรงงานหรือหลายโรงงานที่มีการใช้แรงงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เอาไปปล่อยพื้นที่อื่นหรือไล่ออกจากงาน ได้สั่งการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้หามาตรการตรงนี้จะทำอย่างไร ซึ่งได้ให้แนวทางไปว่าให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาสมัยที่เราเคยขึ้นทะเบียนแรงงาน ที่มีวิธีการขึ้นทะเบียนชั่วคราวไปก่อน บัตรสีชมพูก็กำลังดำเนินการตรงนี้ หากเราดำเนินการแบบเข้มข้นเกินไปก็จะมีการนำแรงงานไปปล่อยที่อื่น สิ่งสำคัญคือความร่วมมือระหว่างกันต้องทำให้ได้

“พรุ่งนี้การประชุมศบค.จะได้ข้อยุติว่าจะทำอย่างไรในส่วนของมาตรการในช่วงนี้และช่วงปีใหม่ด้วย ก็ขอวอนนิ่ง (Warning) ไว้ก่อน ว่าวันนี้เรากำลังกำหนดพื้นที่ทั้งหมดว่าควรจะทำอย่างไร กับพื้นที่ตรงไหน แพร่ระบาดมาก แพร่ระบาดน้อย ความเสี่ยงมากความเสี่ยงน้อย จะกำหนดพื้นที่ทุกจังหวัดให้เป็นสีต่างๆ สีเขียว สีส้ม สีแดง อะไรเหล่านี้ และจะมีมาตรการเฉพาะลงไปว่าทำอะไรได้บ้าง ต้องเตรียมการไว้อย่างนี้ ขอแจ้งเตือนทุกท่านไว้ให้ทราบ เราอาจจะต้องลำบาก อาจจะต้องเสียสละ เพราะถ้าเราแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้ในช่วงนี้มันก็คือปัญหา สิ่งสำคัญที่สุดการเสนอข่าว ให้ข่าว คงต้องรับฟังข้อมูลจาก ศบค.ด้วย อย่าเอาข้อมูลจากอื่นๆไปแพร่ ที่ไม่ใช่ข้อมูลถูกต้อง โดยพิสูจน์ไม่ได้ มันจะทำให้เกิดการตื่นตระหนก และสร้างการรับรู้ไปยังต่างประเทศ”

นายกฯกล่าวว่า วันนี้เป็นการแพร่ระบาดที่เรารู้ที่มา มีมาตรการเฉพาะและมาตรการสาธารณสุข ครบถ้วนทุกอย่าง ยังสามารถรับมือได้ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นแล้วจะกลายเป็นว่าประเทศไทยกลับมาสู่ขั้นระบาดร้ายแรงอีก มันทำให้เราขาดความเชื่อมั่น และจะถูกได้รับความเชื่อมั่นลดลงในเรื่องระบบสาธารณสุขของไทย ผมคิดว่าเราทำมากกว่าที่อื่น มากกว่าประเทศอื่นหลายประเทศด้วยกัน วันนี้ขอความร่วมมือบรรดาสื่อด้วย อะไรที่พูดจาออกมาแล้วไม่ใช่ข้อเท็จจริงบางทีแพร่ออกไปก็ทำให้เกิดปัญหา รับฟังทุกส่วน แต่ก็แยกแยะว่าอันไหนเป็นข้อมูลจริงหรือเท็จ ขอร้องบรรดาที่ชอบทำข้อมูลทางโซเชียล ที่เอาข้อมูลเท็จออกมา แพร่ระบาดไปแล้วโน่นนี่มันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยกับประเทศไทยของเรา คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า ถ้าเป็นคนไทยก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ปกปิด แต่บางครั้งไม่มีความรู้ข้อมูลก็เขียนออกไป อันนี้ผมไม่โทษ ผมเพียงแต่ขอร้อง ขอให้ทุกคนมองที่ประโยชน์ของชาติอยู่ตรงไหน และเราจะอยู่กันอย่างไรต่อไป ถ้าอยากจะอยู่ให้มันดีขึ้นก็ต้องช่วยกัน สิ่งดีๆมีเยอะแยะ อย่าขยายความขัดแย้งกันมากนัก เดี๋ยวก็ไปเรื่องโน้นเรื่องนี้กันเรื่อยเปื่อย

นายกฯกล่าวว่า ขอความร่วมมือพวกเราทุกคน ในช่วงที่เรากำลังเจอการระบาดโควิด-19 ในขณะนี้ ซึ่งมันไม่ถึงขั้นร้ายแรงเหมือนกับประเทศอื่นๆ หลายประเทศขึ้นมาแล้วเท่าไหร่ แล้วของเราขึ้นมาแล้วเท่าไหร่ ซึ่งของเราความจริงไม่ควรจะขึ้นถ้าทุกคนร่วมมือ ทุกคนควรพร้อมที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อจะได้ทำลายขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศผิดกฎหมาย ทุกคนรู้หมดว่าเข้าทางไหนออกทางไหน คนพื้นที่ทำไมจะไม่รู้ แต่เจ้าหน้าที่เขาก็อยู่เป็นจุด ลาดตะเวนเป็นพื้นที่ คนที่รู้มากที่สุดคือคนในพื้นที่ ดังนั้น ต้องขอข้อมูลจากคนเหล่านี้มา ส่งตรงมาที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้เลย จะปกปิดให้ ไม่ต้องกลัว ถ้าทุกคนกลัว คิดว่าธุระไม่ใช่ มันก็จะเป็นแบบนี้ทุกเรื่อง ไม่ใช่โควิด-19 อย่างเดียว เรื่องการทำผิดกฎหมาย การทุจริตของเจ้าหน้าที่ต่างๆเหล่านี้ก็ขอฝากไว้ด้วยแล้วกัน

ทางด้านสำนักงบประมาณ เผยอาจต้องกู้เงินเพิ่มหากมีการล็อกดาวน์อีกครั้ง ชี้เป็นเงินเยียวยาโควิด ไม่มีใครว่า

นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผอ.สำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบกรอบงบประมาณประจำปี 2565 ตามผลการหารือของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่มีสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

ภาพ :สำนักข่าวไทย

มีวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3.1 ล้านล้านบาท ลดลงจากงบประมาณปี 2564 จำนวน 1.859 แสนล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 5.66 ภายใต้สมมติฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2565 เติบโต 3.5 เปอร์เซ็นต์ กรอบเงินเฟ้อ 1.2 เปอร์เซ็นต์ และมูลค่าต่อจีดีพี 17.328 ล้านล้านบาท ประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิ 2.4 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ สำนักงบประมาณจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 5 ม.ค. 2564

“เป็นการจัดทำงบประมาณขาดดุล 7 แสนล้านบาท และมีงบลงทุน 6.2 แสนล้านบาท งบประจำ 2.354 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 75 เปอร์เซ็นต์ ตั้งงบชำระคืนเงินกู้ 1 แสนล้านบาท ในภาพรวมงบประมาณและเงินอื่นๆ ยังคิดว่าดีอยู่ พอที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว 3.5 เปอร์เซ็นต์” นายเดชาภิวัฒน์ กล่าว

ผอ.สำนักงบประมาณ กล่าวว่า กรณีเป็นงบรายจ่ายประจำ เราพยายามลดลงมา ในปี 2565 ลดลงเหลือร้อยละ 75 ซึ่งส่วนประกอบของรายจ่ายประจำ แน่นอนคือ เงินเดือนข้าราชการ การรักษาพยาบาลประมาณล้านสองแล้ว เราพยายามลดรายจ่ายประจำ ที่สามารถลดลงได้ หรือชะลอได้

เช่น การเดินทางไปต่างประเทศ การประชุมสัมมนาลดลงได้บางส่วน อย่างไรก็ดี ที่สามารถลดลงได้ คือ เงินสมทบกองทุน โดยเฉพาะที่มีเงินของตัวเอง และส่วนราชการที่มีเงินนอก ที่มีรายได้จัดเก็บได้เอง และให้ส่วนราชการชะลอการขอเพิ่มงบรายจ่ายประจำ”

นายเดชาภิวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับงบประมาณที่ใช้ดูแลสถานการณ์โควิด-19 ยังคงใช้จากพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท สามารถใช้ไปถึงปีหน้าได้ แต่ในปี 2565 หากจำเป็นต้องใช้งบเพื่อฟื้นฟูเยียวยาสถานการณ์โควิด-19 คงอยู่ในส่วนของงบกลาง ซึ่งกรอบวงเงินอยู่ในระดับ 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลัง

ทั้งนี้ หากประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขั้นเลวร้ายที่สุด หรือมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เงินมีเพียงพอที่จะเยียวยา หรือมีเงินประมาณ 2-3 แสนล้านบาท รวมกับงบกลางและงบกลางกรณีฉุกเฉินอีก รวมแล้วประมาณ 4 แสนล้านบาท

“ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่ม ตอนนี้สบาย ยังมีเงินในกระเป๋าเยอะ แต่หากถ้าปิดประเทศ เหมือนอังกฤษ หรือในยุโรป อันนั้นน่าเป็นห่วง ซึ่งสัดส่วนเงินกู้ต่อจีดีพีร้อยละ 60 โดยประมาณ ประเทศอื่นเป็น 100 แล้ว ช่วงนี้เวลานี้ 60 เรายังมีวินัยอยู่

ส่วนจะขยายหรือไม่ ต้องประชุมให้เป็นนโยบายรัฐบาล ถ้าจะกู้เพื่อบรรเทา ใครจะไปค้าน ซึ่งไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมาย และที่ตั้งไว้ 60 เป็นเพียงตุ๊กตา แต่ถามว่า กู้มาทำอะไร ถ้ากู้มาเยียวยา มาบรรเทา ไม่มีใครว่า” ผอ.สำนักงบประมาณ กล่าว

ข้อมูล :ไทยโพส / SpringNews

ร่วมแสดงความคิดเห็น