สนามบินยกระดับตรวจคัดกรองผู้โดยสาร หลังโควิด-19 ลามจากระยอง

วันที่ 28 ธ.ค.63 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณี ภายหลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดสมุทรสาครเป็นจำนวนมากและล่าสุดยังพบผู้ติดเชื้อในจังหวัดเชียงใหม่ที่มีประวัติเดินทางด้วยสายการบินจากสนามบินอู่ตะเภามายังสนามบินเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ผ่านมา ซึ่งทางจังหวัดได้มีการแถลงผลการตรวจพบผู้ติดเชื้อไปเมื่อช่วงเย็นวานนี้ และขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการกักตัวนั้น

ขณะที่ล่าสุด จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางด้าน นายอมรรักษ์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ สั่งการให้ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยปรับเส้นทางเดินของผู้โดยสารขาเข้าให้ผ่านเครื่องตรวจอุณหภูมิร่างกาย (เทอร์โมสแกน) ทีละคน เพื่อให้ผลตรวจวัดอุณหภูมิแม่นยำมากยิ่งขึ้น และ สามารถบันทึกใบหน้ารายบุคคลได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้สามารถตรวจสอบไทม์ไลน์ย้อนหลังได้ง่าย กระบวนดังกล่าวอาจทำให้ขาเข้าของผู้โดยสารช้าลงเล็กน้อย แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ขณะที่การตรวจคัดกรองผู้โดยสารและผู้ใช้บริการ ก่อนเข้าอาคารผู้โดยสาร ได้มีการปรับรูปแบบการเดินผ่านเครื่องเทอร์โมสแกน เพื่อการตรวจวัดที่ละเอียดแม่นยำเช่นเดียวกัน และ ไม่อนุญาตให้ผู้ไม่สวมหน้ากากเข้าไปในอาคารผู้โดยสารทุกกรณี

นอกจากนี้ ผู้โดยสารขาเข้าที่เดินทางเข้าทุกคนต้องกรอกข้อมูลลงในแอปพลิเคชัน “CM-CHANA” ( เชียงใหม่ ชนะ ) เพื่อติดตามตัว และผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรสาครและระยอง ให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่เพื่อตรวจหาเชื้อและกักกันตัว 14 วัน ในที่พัก

สำหรับกรณีหญิงติดเชื้อรายที่ 47 ของจังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดทีมสอบสวนโรคได้ติดตามผู้สัมผัสทั้งหมดจำนวน 127 ราย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 30 ราย (ผู้สัมผัสในครอบครัว 4 ราย , ผู้สัมผัสในยานพาหนะ 26 ราย) ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 97 ราย (ผู้สัมผัสในยานพาหนะ 86 ราย , บุคลากรทางการแพทย์ 11 ราย) ซึ่งทั้งหมดได้ติดตามตัวและนัดเก็บสิ่งส่งตรวจหาเชื้อในวันที่ 5 หลังสัมผัสเชื้อ ( วันที่ 30 ธ.ค.) ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมดอยู่ระหว่างกักกันตัวเพื่อสังเกตอาการ

ร่วมแสดงความคิดเห็น