(มีคลิป) ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นผู้แทนพระองค์ในพิธีปิดการฝึกอบรมโครงการพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง”

วันที่ 4 มกราคม 2564 เวลา 09.00 น. ที่ โรงฝึกสูทกรรม เรือนจำอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นผู้แทนพระองค์ในพิธีปิดการฝึกอบรมโครงการพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” กรมราชทัณฑ์ รุ่นที่ 1 โดยได้มีการมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้ต้องหา ที่ผ่านการฝึกอบรมโครงการพระราชทาน โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์ รุ่นที่ 1 ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2563 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา ณ เรือนจำอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ให้โอวาทแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ ให้ทุกคนนำความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพ การงานพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองรวมทั้งเป็นกำลังสำคัญ ในการสร้างสรรค์ความเจริญให้แก่ชาติบ้านเมือง ต่อไป

สำหรับโครงการโคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม พระราชทานให้มีการฝึกโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน บ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง ทำนา เพื่อสร้างต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็กโดยสามารถดำเนินการได้ในทุกเงื่อนไขของพื้นที่ และมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพื้นฐานความคิด การฝึกวินัย การลงมือปฏิบัติ ตลอดจนการแก้ปัญหา ในสถานการณ์จริง เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถพึ่งพาตนเอง และช่วยเหลือผู้อื่นที่ได้รับความเดือดร้อนได้ เมื่อ พ้นโทษออกไปภายนอก

โครงการ “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” กรมราชทัณฑ์ รุ่นที่ 1 เป็นความร่วมมือระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อสนอง พระราชปณิธาน และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทาน โครงการ “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มนักโทษเด็ดขาด ที่คาดว่าจะได้รับ พระราชทานอภัยโทษ และจะพ้นโทษในปี 2563 มีความรู้ความเข้าใจ ส่งเสริมทักษะ ทางการเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็ก โดยสามารถบริหารจัดการพื้นที่สำหรับทำการเกษตรที่มีอยู่อย่าง จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นแนวทางให้ผู้ต้องขังสามารถพึ่งตนเองได้ มองเห็นโอกาสในการประกอบ สัมมาชีพภายหลังพ้นโทษ ตลอดจนเกิดความภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนได้ลงมือทำ เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ผู้อื่น ไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก สมดังพระราชปณิธานคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

ร่วมแสดงความคิดเห็น